หากเป้าหมายของคุณคือการเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจ (และใช้ความเข้าใจของคุณกับ) แนวคิดทางการเงินที่สำคัญเมื่อเลือกกลยุทธ์การเทรดของคุณ ดัชนี ดัชนีเป็นแนวคิดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในโลกของการเทรด ดังนั้นที่นี่จะให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับแนวคิดของดัชนีที่เข้าถึงได้ แต่ละเอียดถี่ถ้วน
ดัชนีคืออะไร
ดัชนีเป็นวิธีการติดตามประสิทธิภาพของกลุ่มสินทรัพย์ด้วยวิธีที่เป็นมาตรฐานและเข้าใจง่าย โดยทั่วไปแล้ว ดัชนีจะใช้ชุดข้อมูลย่อยของสินทรัพย์ต่างๆ แทนชุดข้อมูลของตลาดการเงินเฉพาะพื้นที่ (เช่น ดัชนีเอสแอนด์พี ดัชนีดาวน์โจนส์ ดัชนีภาคบริโภคที่เลือก เป็นต้น) แต่เรายังใช้ดัชนีเหล่านั้นแทนตลาดที่กว้างขึ้นได้ (เช่น ดัชนีสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส 500 เป็นต้น) สูตรทั่วไปของดัชนีแสดงไว้ด้านล่าง
คุณต้องกำหนดว่าข้อมูลไหนที่จะใช้พิจารณา เพราะสูตรคำนวณนี้อาจไม่ชัดเจนนักเนื่องจากเป็นสูตรทั่วไป อ้างอิงจากตัวอย่างด้านล่างจะช่วยเพิ่มความเข้าใจให้กับคุณในสูตรคำนวณนี้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วนใหญ่แล้วตัวแปรที่น่าสนใจจะเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัท โดยสินทรัพย์เป็นการประเมินมูลค่าบริษัท
ดัชนีถูกใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับผลการดำเนินงานของพอร์ตการลงทุนและหุ้นรายตัว โดยเปรียบเทียบกับกลุ่มสินทรัพย์ที่อยู่ในประเภทเดียวกัน ดัชนีนี้มักใช้โดยกองทุนเพื่อแสดงให้นักลงทุนเห็นว่า การลงทุนในกองทุนมีกำไรมากน้อยแค่ไหนเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในกองทุนดัชนี พึงสังเกตว่าคุณไม่สามารถลงทุนในดัชนีได้ แต่คุณต้องลงทุนในกองทุนดัชนีแทน กองทุนดัชนีเป็นกองทุนที่ใช้ “การจัดทำดัชนี” ซึ่งเป็นรูปแบบการลงทุนระยะยาว (เช่น จำกัดปริมาณการซื้อและการใช้จ่าย) ซึ่งผู้จัดการกองทุนพยายามที่จะจับคู่ส่วนประกอบของดัชนี
ดัชนีตลาดการเงินทั่วไป
ดัชนีตลาดการเงินมีหลายประเภท ประเภทของดัชนีที่พบบ่อยที่สุดคือดัชนีหุ้น แต่สามารถใช้ดัชนีเพื่อวัดประสิทธิภาพของสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ ได้ เช่น พันธบัตร (เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ บลูมเบิร์ก บาร์เคลย์ส) และสินค้าโภคภัณฑ์ (ดัชนี GCSI สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส) นอกจากนี้ แม้เราจะไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดในตอนนี้ แต่เราใช้ดัชนีวัดผลการดำเนินงานของข้อมูลทางการเงินอื่นๆ ได้ เช่น ผลผลิต อัตราเงินเฟ้อ และอื่นๆ
ดัชนีหุ้น
เนื่องจากเป็นดัชนีประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เราจะลงรายละเอียดเพิ่มเติมเล็กน้อยเกี่ยวกับดัชนีหุ้น และลงรายละเอียดเกี่ยวกับดัชนีหุ้นบางตัวที่สำคัญโดยเฉพาะ ดัชนีหุ้นคือดัชนีที่วัดผลการดำเนินงานของตลาดหุ้น หรือส่วนย่อยของตลาดหุ้น ดัชนีหุ้นที่รู้จักกันดี ได้แก่ ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ในสหรัฐอเมริกาและดัชนีเอฟทีเอสอี 100 ในสหราชอาณาจักร
ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เป็นดัชนีที่มีบริษัทชั้นนำ 500 อันดับแรกในตลาดหุ้นสหรัฐ 500 อันดับแรกจะตัดสินจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเป็นหลัก แต่ปัจจัยอื่นๆ ก็รวมอยู่ด้วย เช่น สภาพคล่อง ประวัติการซื้อขาย และศักยภาพทางการเงิน ดัชนีเอสแอนด์พี 500 คิดเป็น 80% ของมูลค่ารวมของตลาดหุ้นสหรัฐ และเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีถึงผลการดำเนินงานของเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนีเอฟทีเอสอี 100 ซึ่งคล้ายกับดัชนีเอสแอนด์พี 500 เป็นดัชนีที่มีบริษัท 100 อันดับแรกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน แน่นอนว่า 100 อันดับแรกได้รับการตัดสินตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด และมีขนาดเล็กกว่า ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนเพียงเล็กน้อย ซึ่งครอบคลุมถึง 80% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของตลาดหลักทรัพย์ และเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีถึงผลการดำเนินงานของเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร
ตามที่กล่าวไว้แล้วข้างต้น เราใช้ดัชนีหุ้นเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ ภาคส่วน และตลาดอย่างเจาะจงได้ ดังนั้น หากคุณสนใจผลการดำเนินงานของภาคส่วนต่างๆ ของเศรษฐกิจเหล่านี้ คุณควรจับตาดูดัชนีที่แสดงถึงภาคส่วนต่างๆ เหล่านี้
ประเภทของดัชนีหุ้น
สูตรคำนวณที่ระบุไว้ข้างต้นเป็นสูตรคำนวณทั่วไปสำหรับดัชนีทุกประเภท แต่มีวิธีเฉพาะในการคำนวณดัชนีหุ้นประเภทต่างๆ ซึ่งเราจะพิจารณาตามคำจำกัดความทางคณิตศาสตร์ด้านล่าง
ดัชนีหุ้นแบบถ่วงน้ำหนักด้วยราคา
ดัชนีหุ้นแบบถ่วงน้ำหนักด้วยราคา เช่น ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ คำนวณโดยนำผลรวมของบริษัททั้งหมดในราคาหุ้นของดัชนีแล้วหารด้วยจำนวนบริษัทในดัชนีนั้น ดูสูตรคำนวณสำหรับดัชนีนี้ได้ด้านล่าง:
ดัชนีหุ้นแบบถ่วงน้ำหนักด้วยราคาเป็นที่นิยมเนื่องจากความเรียบง่าย ไม่จำเป็นต้องคำนวณนอกเหนือจากผลรวมและการหารอย่างง่าย ดัชนีหุ้นแบบถ่วงน้ำหนักด้วยราคาจะเป็นตัวแทนข้อมูลของภาคส่วนที่พยายามแสดงข้อมูลได้ดีกว่า หากบริษัทในภาคส่วนนั้นมีแนวโน้มที่จะมีขนาดใกล้เคียงกัน เนื่องจากบริษัทต่างๆ มีขนาดแตกต่างกัน ดัชนีหุ้นแบบถ่วงน้ำหนักด้วยราคาจะกลายเป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของภาคธุรกิจที่ด้อยกว่า
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นจะส่งผลกระทบต่อดัชนีอย่างสมบูรณ์ โดยไม่คำนึงถึงราคาเริ่มต้นของหุ้นนั้น เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น บริษัทสองแห่งที่มีราคาหุ้นเริ่มต้นที่ 10 ปอนด์และ 100 ปอนด์ตามลำดับ จะได้รับผลกระทบต่อดัชนีเช่นเดียวกันถ้าราคาหุ้นของทั้งสองเพิ่มขึ้น 10 ปอนด์ ดัชนีหุ้นแบบถ่วงน้ำหนักด้วยราคาอาจไม่ใช่ตัวบ่งชี้ผลการดำเนินการที่ดี เนื่องจากบริษัทที่มีราคาหุ้นเริ่มต้นต่ำกว่ามีมูลค่าเพิ่มขึ้น (สมมติให้เงื่อนไขอื่นๆ เหมือนกันทั้งหมด) ถึง 100% และบริษัทที่มีราคาหุ้นเริ่มต้นสูงกว่ามีมูลค่าเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 10% แนวคิดที่ได้อธิบายไปข้างต้นคือ แต่ละบริษัทจะได้รับน้ำหนักตามความเชื่อมั่นในการคำนวณดัชนีหุ้นแบบถ่วงราคา
ดัชนีหุ้นแบบถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตลาด
ดัชนีหุ้นแบบถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตลาด เช่น ดัชนีเอสแอนด์พี 500 คำนวณโดยนำมูลค่ารวมของบริษัททั้งหมดในดัชนีมาหารด้วยจำนวนบริษัทเหล่านี้ คล้ายกับการคำนวณมูลค่าตลาดที่ถ่วงน้ำหนักด้วยราคา สมการด้านล่างคือสูตรสำหรับดัชนีหุ้นแบบถ่วงน้ำหนักมูลค่าตลาด (ข้อสำคัญคือต้องจำไว้ว่ามูลค่ารวม หรือมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด จะมาจากการคูณราคาของหุ้นของบริษัทนั้นด้วยจำนวนหุ้น)
ข้อสำคัญสำหรับดัชนีแบบถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตลาดคือ ต้องสังเกตว่าการปรับปรุงมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดมีผลแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับมูลค่าเริ่มต้นของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัทนั้น สิ่งนี้มีประโยชน์มากขึ้นในการใช้แทนการประเมินมูลค่าตลาดของบริษัทเมื่อเทียบกับดัชนีแบบถ่วงน้ำหนักด้วยราคา และเป็นตัวบ่งชี้ผลการดำเนินงานที่ดีกว่าอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังหมายความว่าบริษัทขนาดใหญ่มีส่วนในประสิทธิผลของดัชนีมากขึ้น เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีแนวโน้มมูลค่าตลาดที่ผันผวนน้อยกว่า ดัชนีก็เช่นกัน
แต่ดัชนีหุ้นแบบถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตลาดมีปัญหาบางอย่างอยู่ ตัวอย่างเช่น หากหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่พุ่งขึ้นอย่างมาก ก็จะเริ่มมีอิทธิพลเหนือประสิทธิผลของดัชนี ดังนั้น ดัชนีจะได้รับผลกระทบไม่เป็นสัดส่วนจากผลประกอบการของบริษัทเดียว และไม่ได้เป็นในสิ่งที่ถูกกำหนดมาให้เป็น นั่นคือการเป็นตัวแทนของภาคเศรษฐกิจที่กว้างขึ้น
ดัชนีหุ้นที่รู้จักกันดี
ด้านล่างนี้ เราได้รวบรวมรายชื่อดัชนีตลาดหุ้นที่เป็นที่นิยมมากที่สุดทั่วโลก และไม่ว่าจะเป็นแบบถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาดหรือตามราคา เราสามารถจำแนกดัชนีได้หลายวิธี เช่น ตามภูมิศาสตร์ จำนวนบริษัท ประเภทอุตสาหกรรม และอื่นๆ อีกมากมาย ดัชนียังอาจมีดัชนีย่อยได้ เช่น มีดัชนีเอฟทีเอสอี 100 แต่ยังมีดัชนีดัชนีเอฟทีเอสอี SmallCap ซึ่งครอบคลุมตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนด้วย แต่จะรวมเฉพาะบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเล็กน้อยเท่านั้น ดัชนีทั้งหมดมีดัชนีย่อยหลากหลายรูปแบบเป็นจำนวนมาก ซึ่งคุณควรรับทราบข้อมูลเพื่อเข้าถึงความรู้เกี่ยวกับบางภาคส่วนธุรกิจอย่างเจาะจงมากขึ้น
ประเทศ | ดัชนี | สัญลักษณ์ MT4 | ถ่วงน้ำหนักตามราคา/มูลค่าตลาด |
---|---|---|---|
สหรัฐอเมริกา | ดัชนีเอสแอนด์พี 500 | US500 | ถ่วงมูลค่าตลาด |
สหรัฐอเมริกา | ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ | US30 | ถ่วงราคา |
สหรัฐอเมริกา | ดัชนีแนสแด็ก 100 | NAS100 | ถ่วงมูลค่าตลาด |
สหรัฐอเมริกา | ดัชนีรัสเซล 2000 | USA2000 | ถ่วงมูลค่าตลาด |
ญี่ปุ่น | ดัชนีนิคเคอิ 225 | JP225 | ถ่วงราคา |
สหราชอาณาจักร | ดัชนีเอฟทีเอสอี 100 | UK100 | ถ่วงมูลค่าตลาด |
ฮ่องกง | ดัชนีฮั่งเส็ง | HSI50 | ถ่วงมูลค่าตลาด |
เยอรมนี | DAX 30 | DAX30 | ถ่วงมูลค่าตลาด |
ฝรั่งเศส | ซีเอซี 40 | ซีเอซี40 | ถ่วงมูลค่าตลาด |
ยูโรโซน | ยูโรสต็อกซ์ 50 | EUSTX50 | ถ่วงมูลค่าตลาด |
บราซิล | ดัชนีโบเวสปา | IBOV | ถ่วงมูลค่าตลาด |
ออสเตรเลีย | ASX200 | AU200 | ถ่วงมูลค่าตลาด |
ประเด็นสำคัญของดัชนี
ดัชนีสำคัญอย่างไม่น่าเชื่อต่อทุกคนที่ลงทุนหรือเทรด ดัชนีสามารถใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับผลงานของคุณในฐานะนักเทรด มีประโยชน์ในการดูภาพรวมระดับสูงของผลการดำเนินงานของเศรษฐกิจภาคส่วนต่างๆ ที่แตกต่างกัน และยังใช้สำหรับกลยุทธ์การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ (เช่น เงินบำนาญ) ได้อีกด้วย ดังนั้น เชิญมาเทรดดัชนีกับ Hantec Markets เลย