สำรวจความแตกต่างระหว่าง MetaTrader 4 กับ MetaTrader 5: เปรียบเทียบครบ จบ ครอบคลุม

📅 05.07.2024 👤 Aaron Akwu

อัปเดตเมื่อเดือนเมษายน 2024 โดย Aaron Akwu

MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) เป็นสองแพลตฟอร์มเทรดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก โดยแต่ละแพลตฟอร์มมีฟีเจอร์และความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในบทความนี้ เราจะมาดูความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง MT4 กับ MT5 และอธิบายครอบคลุมด้านต่างๆ เช่น การกำหนดราคา, แหล่งข้อมูลเพื่อการศึกษา, โปรแกรมเสริมจากบุคคลที่สาม, ฟีเจอร์ความปลอดภัย, ความเข้ากันได้ และการสลับใช้ระหว่างสองแพลตฟอร์ม

สารบัญ:

เมต้าเทรดเดอร์ 4 คืออะไร

MT4เปิดตัวในปี 2005 และกลายเป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในทันที เนื่องจากใช้งานได้หลากหลาย เข้าถึงได้จากอุปกรณ์ต่างๆ มากมาย รวมถึงโทรศัพท์ แล็ปท็อป และแท็บเล็ต MT4 มุ่งเน้นไปที่การเทรดเงินตราต่างประเทศโดยเฉพาะ แต่คุณก็ยังสามารถเทรดแบบ CFD (สัญญาซื้อขายส่วนต่าง) ในสินค้าโภคภัณฑ์และดัชนีได้เช่นกัน

เมต้าเทรดเดอร์ 5 คืออะไร

MT5 เปิดตัวในปี 2010 ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ โดยนักเทรดหลายคน กล่าวว่าฟังก์ชันและเครื่องมือมีการปรับปรุงและมีมากขึ้น MT5 มีความคล่องตัวในการใช้งานใกล้เคียงกับ MT4 และยังสามารถลองรับการใช้งานได้หลากหลายอุปกรณ์ สามารถใช้ MT5 เพื่อเทรด forex หุ้น และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้

MT4 กับ MT5 แตกต่างกันอย่างไร?

การกำหนดราคาและต้นทุน

โดยทั่วไปแล้วโบรกเกอร์จะมี MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) ให้ใช้ฟรี อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ควรทราบถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้ เช่น สเปรด ค่าคอมมิชชั่น และค่าธรรมเนียมทางการเงินข้ามคืน แม้ว่าตัวแพลตฟอร์มจะให้บริการฟรี แต่เทรดเดอร์อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ ขึ้นอยู่กับการเทรดและโครงสร้างค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์ โดยโบรกเกอร์บางรายอาจให้สเปรดที่ต่ำกว่าหรือค่าคอมมิชชั่นต่ำกว่าสำหรับการเทรดบนแพลตฟอร์มหนึ่งมากกว่าอีกแพลตฟอร์มหนึ่ง ดังนั้นเทรดเดอร์จึงต้องเปรียบเทียบต้นทุนเมื่อเลือกโบรกเกอร์และแพลตฟอร์ม

แหล่งข้อมูลเพื่อการศึกษาและการสนับสนุนผู้ใช้

  • MT4 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเก่ากว่าและเป็นที่ยอมรับมากกว่า มีแหล่งข้อมูลเพื่อการศึกษา บทช่วยสอน และฟอรัมสนับสนุนผู้ใช้มากมายที่มีให้บริการออนไลน์ แหล่งข้อมูลเหล่านี้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆ เช่น การใช้งานแพลตฟอร์ม การวิเคราะห์กราฟ ตัวชี้วัดทางเทคนิค และการสร้าง Expert Advisers (EA) นอกจากนี้ โบรกเกอร์หลายรายยังมีเนื้อหาฝึกอบรมที่ครอบคลุมและบริการสนับสนุนลูกค้าที่ปรับให้เหมาะกับผู้ใช้ MT4
  • ในอีกด้านหนึ่ง แม้ว่า MT5 จะมีแหล่งข้อมูลเพื่อการศึกษาและการสนับสนุนผู้ใช้ แต่ความพร้อมใช้งานและเนื้อหาเจาะลึกอาจไม่ครอบคลุมเท่ากับ MT4 อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก MT5 ได้รับความนิยมในตลาด จึงมีแหล่งข้อมูลเพื่อการศึกษาและตัวเลือกการสนับสนุนผู้ใช้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนเสริมและการผนวกรวมจากบุคคลที่สาม

  • MT4 มีระบบนิเวศที่เฟื่องฟูด้านส่วนเสริม ปลั๊กอิน และการผนวกรวมที่พัฒนาโดยผู้ให้บริการอิสระ เครื่องมือเหล่านี้ขยายฟังก์ชันการทำงานของแพลตฟอร์มและรองรับสไตล์และกลยุทธ์การเทรดที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์สามารถค้นหาตัวชี้วัดแบบกำหนดเอง ระบบการเทรดอัตโนมัติ ตัวคัดลอกการเทรด และเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับการเทรดบน MT4
  • MT5 ก็รองรับส่วนเสริมและการผนวกรวมจากผู้ให้บริการอิสระเช่นกัน แต่ตัวเลือกอาจมีจำกัดมากกว่า MT4 อย่างไรก็ตาม MT5 มีฟีเจอร์ในตัวที่ก่อนหน้านี้มีให้บริการผ่านปลั๊กอินบุคคลที่สามบน MT4 เท่านั้น เช่น กรอบเวลาเพิ่มเติม ปฏิทินเศรษฐกิจ และเครื่องมือสร้างกราฟขั้นสูงเพิ่มเติม

ฟีเจอร์ความปลอดภัย

ทั้ง MT4 และ MT5 ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของบัญชีและข้อมูลของเทรดเดอร์ สองแพลตฟอร์มนี้ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยมาตรฐานอุตสาหกรรม เช่น โปรโตคอลการเข้ารหัส ขั้นตอนการล็อกอินที่รัดกุม และการป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต MT5 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ใหม่กว่าอาจมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ทันสมัยมากกว่า MT4 ตัวอย่างเช่น MT5 มีการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัย ซึ่งให้การป้องกันเพิ่มเติมอีกชั้นหนึ่งโดยกำหนดให้ผู้ใช้ยืนยันตัวตนโดยใช้ปัจจัยที่สอง เช่น รหัสที่ส่งไปยังอุปกรณ์มือถือของตน นอกจากนี้ สถาปัตยกรรมสมัยใหม่ของ MT5 ยังให้การป้องกันที่ดีกว่าในด้านภัยคุกคามทางไซเบอร์ เช่น มัลแวร์และการแฮ็ก

ความเข้ากันได้

ทั้ง MT4 และ MT5 ได้รับการออกแบบให้ใช้งานร่วมกันได้กับอินเทอร์เน็ตเบราว์เซอร์ส่วนใหญ่ เช่น Google Chrome, Mozilla Firefox และ Microsoft Edge นอกจากนี้ยังมีให้บริการในรูปแบบแอปพลิเคชันเดสก์ท็อปสำหรับ Windows และ macOS ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงบัญชีและเทรดจากคอมพิวเตอร์ของตนได้ ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองแพลตฟอร์มยังมีแอปมือถือสำหรับอุปกรณ์ iOS และ Android ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถดูตลาดและดำเนินการเทรดได้ ความเข้ากันได้นี้ทำให้มั่นใจว่าเทรดเดอร์จะสามารถเข้าถึงบัญชีและเครื่องมือเทรดได้อย่างราบรื่นผ่านอุปกรณ์และแพลตฟอร์มต่างๆ

การสลับใช้ระหว่าง MT4 และ MT5

การย้ายจาก MT4 ไปเป็น MT5 หรือกลับกันมักเกี่ยวข้องกับการติดตั้งแพลตฟอร์มที่ต้องการและการถ่ายโอนข้อมูลบัญชีเทรด แม้กระบวนการจะค่อนข้างตรงไปตรงมา แต่เทรดเดอร์อาจเผชิญกับความแตกต่างระหว่างอินเทอร์เฟซ ฟีเจอร์ และฟังก์ชันการทำงานระหว่างแพลตฟอร์มทั้งสอง ตัวอย่างเช่น MT5 มีกรอบเวลาเพิ่มเติม ปฏิทินเศรษฐกิจแบบผนวกรวม และเครื่องมือสร้างกราฟขั้นสูงมากกว่า MT4 ดังนั้นเทรดเดอร์อาจจะต้องปรับกลยุทธ์การเทรดและทำความคุ้นเคยกับความสามารถของแพลตฟอร์มใหม่ โบรกเกอร์บางรายเสนอเครื่องมือหรือความช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนย้ายให้กับลูกค้า เช่น บทแนะนำเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม การสัมมนาผ่านเว็บ และการสนับสนุนส่วนบุคคลจากตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้า นอกจากนี้ เทรดเดอร์ควรพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับกลยุทธ์การเทรด, Expert Advisor และตัวชี้วัดแบบกำหนดเองที่มีอยู่เมื่อทำการเปลี่ยนแพลตฟอร์ม

คอมมูนิตี้และตลาดขายของสำหรับการเทรด

  • MT4 มีคอมมูนิตี้สำหรับเทรดเดอร์ นักพัฒนา และโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงซึ่งมีตัวชี้วัดแบบกำหนดเอง, Expert Advisor และกลยุทธ์การเทรดที่หลากหลาย เทรดเดอร์สามารถเข้าถึง MetaTrader Market เพื่อซื้อหรือดาวน์โหลดตัวชี้วัดและ EA ฟรีที่พัฒนาโดยผู้จำหน่ายอิสระได้
  • MT5 ก็มีคอมมูนิตี้และตลาดขายของที่กำลังเติบโตเช่นกัน แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมเท่ากับ MT4 เนื่องจากระยะเวลาที่เข้ามาในตลาดยังสั้นกว่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก MT5 ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ นักพัฒนาจำนวนมากขึ้นจึงสร้างเครื่องมือแบบกำหนดเองและนำเสนอใน MetaTrader Market เพื่อให้เทรดเดอร์ได้ใช้งาน

การทดสอบย้อนกลับการเพิ่มประสิทธิภาพ

  • เครื่องมือทดสอบกลยุทธ์ของ MT4 ให้เทรดเดอร์ได้ทำการทดสอบย้อนกลับและเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์การเทรดของตนโดยใช้ข้อมูลในอดีต แม้ความสามารถในการทดสอบย้อนกลับของ MT4 จะเพียงพอสำหรับเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ แต่ก็อาจจำเป็นต้องมีคุณสมบัติขั้นสูงบางอย่างที่มีอยู่ใน MT5
  • MT5 นำเสนอเครื่องมือทดสอบกลยุทธ์ขั้นสูงยิ่งขึ้นพร้อมฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพแบบมัลติเธรดและขั้นตอนวิธีเชิงพันธุกรรม ช่วยให้สามารถทดสอบย้อนกลับกลยุทธ์การเทรดได้เร็วและแม่นยำยิ่งขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพพารามิเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เครื่องมือสร้างกราฟและกรอบเวลา

  • MT4 มีเครื่องมือสร้างกราฟและกรอบเวลาที่หลากหลายสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น ประเภทกราฟ (กราฟเส้น กราฟแท่ง และกราฟแท่งเทียน) และกรอบเวลาต่างๆ (M1, M5, H1 และ D1)
  • MT5 สร้างต่อจากความสามารถในการสร้างกราฟของ MT4 โดยนำเสนอประเภทกราฟเพิ่มเติม เช่น Renko และ Range Bars รวมถึงกรอบเวลาเพิ่มเติม เช่น กราฟ Tick และกรอบเวลาที่แตกต่างกัน 21 แบบสำหรับการวิเคราะห์แบบกำหนดเอง

การปรับแต่งแพลตฟอร์ม

  • MT4 ให้เทรดเดอร์ปรับแต่งสภาพแวดล้อมการเทรดได้โดยการสร้างเทมเพลตส่วนบุคคล การตั้งค่าตัวชี้วัดและสคริปต์ที่กำหนดเอง และจัดเรียงหน้าต่างกราฟและแถบเครื่องมือได้ตามต้องการ
  • MT5 ให้ตัวเลือกการปรับแต่งมากยิ่งกว่านั้น เมื่อใช้ MQL5 เทรดเดอร์สามารถสร้างตัวชี้วัดและสคริปต์ที่กำหนดเอง รวมถึงปรับแต่งรูปลักษณ์และเลย์เอาต์ของแพลตฟอร์มให้เหมาะกับสไตล์การเทรดของตนได้

ความลึกของตลาดและสภาพคล่องของตลาด

  • MT4 ไม่มีฟีเจอร์ความลึกของตลาดหรือสภาพคล่องของตลาดในตัว ซึ่งฟีเจอร์นี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในอุปสงค์และอุปทานของตราสารที่เจาะจง
  • MT5 มีฟีเจอร์ความลึกของตลาด หรือที่เรียกว่า Depth Of Market (DOM) ซึ่งแสดงราคาเสนอซื้อและเสนอขายปัจจุบันรวมถึงปริมาณที่มีอยู่ในแต่ละระดับราคา ข้อมูลนี้ช่วยให้เทรดเดอร์มีข้อมูลในการตัดสินใจมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

การทดสอบกลยุทธ์หลายสกุลเงิน

  • เครื่องมือทดสอบกลยุทธ์ของ MT4 ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถทดสอบกลยุทธ์การเทรดของตนในคู่เงินหลายคู่พร้อมกันได้ แต่การทดสอบแต่ละรายการจะต้องดำเนินการแยกกัน
  • เครื่องมือทดสอบกลยุทธ์ของ MT5 ให้การทดสอบในหลายสกุลเงิน โดยให้เทรดเดอร์ทดสอบกลยุทธ์ของตนในคู่เงินหลายคู่พร้อมกัน ช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรเมื่อต้องการเพิ่มประสิทธิภาพอัลกอริทึมในการเทรด

การเทรด

  • MT4 โฟกัสที่การเทรดฟอเร็กซ์เป็นหลักและมีระบบบัญชีป้องกันความเสี่ยงและหักกลบลบหนี้แบบเดียว โดยจะรองรับคำสั่งเข้าตลาด คำสั่งที่รอดำเนินการ คำสั่งหยุด และกลยุทธ์การเทรดที่ปรับแต่งได้โดยใช้ Expert Adviser (EA)
  • MT5 ขยายขอบเขตความสามารถของ MT4 โดยนำเสนอการเทรดในหลายสินทรัพย์ เช่น ฟอเร็กซ์ หุ้น ฟิวเจอร์ส และคริปโตเคอเรนซี่ โดยจะมีระบบป้องกันความเสี่ยงที่ยืดหยุ่นมากขึ้นซึ่งอนุญาตให้เทรดเดอร์สามารถเปิดได้หลายสถานะในตราสารเดียวกัน และระบบการส่งคำสั่งที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นด้วยประเภทคำสั่งเพิ่มเติม เช่น ความลึกของตลาดและการจับคู่คำสั่งเพียงบางส่วน

การวิเคราะห์

  • MT4 มีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นพื้นฐาน รวมถึงตัวชี้วัด ตัวเลือกกราฟ และเครื่องมือวาดต่างๆ ในตัว อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการวิเคราะห์สามารถปรับปรุงให้ดีกว่านี้ได้เมื่อเทียบกับ MT5
  • MT5 มีเครื่องมือการวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพ โดยมีตัวชี้วัดทางเทคนิค ออบเจ็กต์กราฟิก และออบเจ็กต์วิเคราะห์ในตัวให้เพิ่มเติม นอกจากนี้ MT5 ยังให้การเข้าถึงปฏิทินเศรษฐกิจ ฟีดข่าว และฟีเจอร์ความลึกของตลาด ช่วยให้วิเคราะห์แนวโน้มและสภาวะของตลาดในเชิงลึกได้มากขึ้น

กลยุทธ์จัดการความเสี่ยง

  • MT4 ให้เทรดเดอร์ใช้กลยุทธ์จัดการความเสี่ยงผ่านคำสั่ง Stop-Loss และ Take-Profit ที่ปรับแต่งได้, คำสั่ง Trailing Stop และคำสั่งที่รอดำเนินการต่างๆ อย่างไรก็ตาม ตัวเลือกการจัดการความเสี่ยงอาจค่อนข้างจำกัดเมื่อเทียบกับ MT5
  • MT5 มีฟีเจอร์จัดการความเสี่ยงขั้นสูง เช่น การตั้งค่าระดับ Stop-Loss และ Take-Profit โดยตรงจากหน้าต่างส่งคำสั่งและตัวเลือกในการป้องกันความเสี่ยงในสถานะซื้อขายภายในตราสารเดียวกัน นอกจากนี้ MT5 ยังมีปฏิทินเศรษฐกิจและฟีดข่าวในตัว ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์มีข้อมูลในการตัดสินใจมากขึ้นและจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้งาน

  • MT4 มีอินเทอร์เฟซที่ดูเข้าใจง่ายกว่าและง่ายต่อการใช้งานสำหรับเทรดเดอร์ที่เพิ่งเริ่มใช้แพลตฟอร์ม เทรดเดอร์รายย่อยต่างใช้กันอย่างแพร่หลายและมีชื่อเสียงในเรื่องความเรียบง่ายและความน่าเชื่อถือ
  • MT5 มีอินเทอร์เฟซขั้นสูงมากกว่า พร้อมฟีเจอร์และฟังก์ชันเพิ่มเติม ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการเรียนรู้สำหรับเทรดเดอร์ที่ย้ายมาจาก MT4 และแม้ว่า MT5 จะมีความยืดหยุ่นและความคล่องตัวมากกว่า แต่เทรดเดอร์บางรายอาจพบว่ามันดูซับซ้อนกว่า MT4

ภาษาโปรแกรม

  • MT4 ใช้ MQL4 (MetaQuotes Language 4) สำหรับการเขียนโปรแกรมตัวชี้วัด สคริปต์ และ Expert Adviser แบบปรับแต่งเอง โดย MQL4 เป็นภาษาโปรแกรมที่เรียบง่ายและแพร่หลายมากกว่า ทำให้เทรดเดอร์สามารถหาและใช้เครื่องมือและทรัพยากรที่สร้างไว้ล่วงหน้าได้ง่ายกว่า
  • MT5 ใช้ MQL5 (MetaQuotes Language 5) ซึ่งเป็นภาษาการเขียนโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพและหลากหลายมากกว่า MQL4 โดย MQL5 มีฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น การสนับสนุนการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ และการเข้าถึงฟังก์ชันและไลบรารีในตัวเพิ่มเติม ทำให้มีกลยุทธ์และเครื่องมือเทรดที่ซับซ้อนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ประสิทธิภาพ

  • MT4 ขึ้นชื่อในเรื่องความเสถียรและความเร็วในการส่งคำสั่งที่รวดเร็ว ทำให้เหมาะสำหรับการเทรดที่มีความถี่สูงและกลยุทธ์การเทรดแบบ Scalping อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพอาจถูกจำกัดเมื่อต้องจัดการข้อมูลจำนวนมากหรือใช้ระบบการเทรดอัตโนมัติหลายระบบพร้อมกัน
  • MT5 มอบประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับ MT4 เนื่องจากมีเครื่องมือทดสอบกลยุทธ์แบบมัลติเธรดและการรันโค้ดที่ปรับแต่งมาเป็นอย่างดี โดยสามารถจัดการกับข้อมูลปริมาณมากขึ้นและรองรับอัลกอริทึมการเทรดที่ซับซ้อนมากขึ้น ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ขั้นสูงและนักลงทุนสถาบัน นอกจากนี้ สถาปัตยกรรมของ MT5 ยังช่วยให้สามารถทดสอบย้อนกลับได้เร็วขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกลยุทธ์การเทรด
ฟีเจอร์ MT4 MT5
ตลาด ฟอเร็กซ์ ฟอเร็กซ์, หุ้น, ฟิวเจอร์ส, พันธบัตร, ออปชั่น
การดำเนินการ ดำเนินการตามคำขอ, ดำเนินการตามตลาด, ดำเนินการทันที ดำเนินการตามคำขอ, ดำเนินการตามตลาด, ดำเนินการทันที, ดำเนินการตามตลาดแลกเปลี่ยน
คำสั่ง คำสั่ง Buy/Sell Stop, คำสั่ง Buy/Sell Limit คำสั่ง Buy/Sell Stop, คำสั่ง Buy/Sell Limit, คำสั่ง Buy/Sell Stop Limit
กรอบเวลา 9 21
ออบเจกต์กราฟิก 31 44
ตัวชี้วัดทางเทคนิค 30 38
ปฏิทินเศรษฐกิจ ไม่มี ไม่มี
แชทคอมมูนิตี้ ไม่มี มี
การบริหารความเสี่ยง การทำ Hedging การทำ Hedging และ Netting
เครื่องมือทดสอบกลยุทธ์ เครื่องมือทดสอบกลยุทธ์แบบเธรดเดียว เครื่องมือทดสอบกลยุทธ์แบบมัลติเธรด
ภาษาโปรแกรม MQL4 MQL5

ตารางเปรียบเทียบ MetaTrader 4 (MT4) กับ MetaTrader 5 (MT5)

ข้อดีของ MT4 และ MT5

แง่มุม ข้อดีของ MT4 ข้อดีของ MT5
การเปิดตัว แพลตฟอร์มเป็นที่ยอมรับโดยมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและคอมมูนิตี้ขนาดใหญ่ แพลตฟอร์มที่ทันสมัยและรวดเร็วกว่าพร้อมฟีเจอร์ขั้นสูงเพิ่มเติม
อินเทอร์เฟซผู้ใช้ อินเทอร์เฟซที่คุ้นเคยและใช้งานง่ายสำหรับเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ อินเทอร์เฟซที่ได้รับการปรับปรุงและให้ความสามารถในการปรับแต่ง
ประเภทคำสั่ง มีประเภทคำสั่งมาตรฐาน ประเภทคำสั่งขั้นสูง (เช่น Trailing Stop, Depth Of Market)
กรอบเวลา 9 กรอบเวลา 21 กรอบเวลา ให้ความยืดหยุ่นมากขึ้นสำหรับกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน
การวิเคราะห์ทางเทคนิค มีคลังตัวชี้วัดและเครื่องมือมากมาย มีคลังตัวชี้วัดและเครื่องมือเพิ่มเติม
ภาษาโปรแกรม MQL4 (ซับซ้อนน้อยกว่าและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง) MQL5 (ทรงพลังและอเนกประสงค์ยิ่งขึ้น)
การทดสอบย้อนกลับ ความสามารถในการทดสอบย้อนกลับขั้นพื้นฐาน เสริมประสิทธิภาพการทดสอบย้อนกลับพร้อมด้วยการจำลองที่แม่นยำยิ่งขึ้น
การเข้าถึงตลาด ฟอเร็กซ์และ CFD เป็นหลัก จำกัดเฉพาะประเภทสินทรัพย์ที่โบรกเกอร์มีให้บริการ
คอมมูนิตี้และการสนับสนุน คอมมูนิตี้ขนาดใหญ่และกระตือรือร้นพร้อมแหล่งข้อมูลมากมาย อาจได้รับการสนับสนุนน้อยลงเมื่อปลี่ยนไปโฟกัสที่ MT5 คอมมูนิตี้เล็กกว่าเมื่อเทียบกับ MT4
การทดสอบหลายสกุลเงิน ไม่มี อนุญาตให้ทดสอบหลายสกุลเงินพร้อมกัน
การทดสอบกลยุทธ์ สามารถทดสอบสินทรัพย์ได้ครั้งละหนึ่งรายการ สามารถทดสอบสินทรัพย์หลายรายการพร้อมกันได้

ข้อเสียของ MT4 และ MT5

แง่มุม ข้อเสียของ MT4 ข้อเสียของ MT5
การเปิดตัว แพลตฟอร์มรุ่นเก่าที่ใช้เทคโนโลยีรุ่นเก่าและมีการอัปเดตไม่บ่อยนัก ฐานผู้ใช้เล็กกว่าเมื่อเทียบกับ MT4
อินเทอร์เฟซผู้ใช้ ตัวเลือกการปรับแต่งขั้นสูงมีจำกัด ผู้ใช้ MT4 อาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวเข้ากับ MT5
ประเภทคำสั่ง ประเภทคำสั่งและเครื่องมือบริหารความเสี่ยงมีจำกัด เทรดเดอร์บางรายอาจพบว่ามันซับซ้อนเกินไป
กรอบเวลา ตัวเลือกกรอบเวลามีจำกัด กรอบเวลาที่มากเกินไปอาจทำให้ผู้ใช้บางรายงุนงง
การวิเคราะห์ทางเทคนิค ตัวชี้วัดน้อยกว่า MT5 อาจมีตัวเลือกมากเกินไปสำหรับเทรดเดอร์บางราย
ภาษาโปรแกรม ฟีเจอร์มีจำกัดเมื่อเทียบกับ MQL5 เทรดเดอร์บางรายอาจไม่ค่อยคุ้นเคยเนื่องจากเป็นภาษาที่ใหม่กว่า
การทดสอบย้อนกลับ การทดสอบย้อนกลับช้ากว่าและแม่นยำน้อยกว่า ต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้นและอาจซับซ้อนมากขึ้น
การเข้าถึงตลาด รองรับสินทรัพย์ที่หลากหลาย (เช่น หุ้น ฟิวเจอร์ส) โบรกเกอร์บางรายอาจมีสินทรัพย์หลากหลายไม่เท่ากันบน MT5
คอมมูนิตี้และการสนับสนุน คอมมูนิตี้ที่กำลังเติบโตพร้อมการสนับสนุนและทรัพยากร
การทดสอบหลายสกุลเงิน ไม่มี ต้องใช้ทรัพยากรในการคำนวณมากขึ้น
การทดสอบกลยุทธ์ ไม่มี มีการตั้งค่าที่ซับซ้อนมากขึ้นสำหรับเทรดเดอร์บางราย

สรุป: ความแตกต่างระหว่าง MetaTrader 4 กับ MetaTrader 5

โดยสรุปแล้ว MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) เป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่ทรงพลัง ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มก็มีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การเลือกใช้งานขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการเทรดของแต่ละบุคคลเป็นหลัก MT4 เหมาะสำหรับนักเทรดฟอเร็กซ์ที่ต้องการแพลตฟอร์มที่มีความเสถียร ใช้งานง่าย และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเชื่อถือได้ ในทางกลับกัน MT5 ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการเข้าถึงสินทรัพย์ทางการเงินที่หลากหลายมากขึ้น โดยมีเครื่องมือวิเคราะห์กราฟที่ทันสมัยกว่า ประมวลผลได้รวดเร็วขึ้น และสามารถเทรดในตลาดอื่นๆ เช่น หุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ได้ นักเทรดควรพิจารณาเป้าหมาย ประสบการณ์ และกลยุทธ์ในการเทรดของตนเองอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเลือกใช้งาน แพลตฟอร์ม MT4 อาจเหมาะกับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่เน้นเทรดฟอเร็กซ์เป็นหลัก ขณะที่ MT5 มีฟีเจอร์และความสามารถเพิ่มเติมที่ตอบสนองนักเทรดขั้นสูงและนักลงทุนที่ต้องการขยายการลงทุนในหลายตลาด ท้ายที่สุดแล้ว การเลือกใช้แพลตฟอร์มใดขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวและความต้องการเฉพาะของนักเทรดแต่ละคน

ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหาของบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ใช่คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะในการซื้อขายในทุกรูปแบบ