อัปเดตเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2568 โดย Syed Maaz Asghar.
กราฟแท่งเทียน (Candlestick Charts) ถูกใช้อย่างแพร่หลายโดยเทรดเดอร์มืออาชีพ และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 20 จนถึงศตวรรษที่ 21 อย่างไรก็ตาม ประวัติของกราฟแท่งเทียนนั้นย้อนกลับไปได้ถึงศตวรรษที่ 18 ในประเทศญี่ปุ่น เมื่อมุเนฮิสะ โฮมมะ (Munehisa Homma) พ่อค้าข้าวในตลาดซื้อขายล่วงหน้าข้าวของเมืองโดจิมะ จังหวัดโอซาก้า เป็นผู้คิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรก
โฮมมะได้ตระหนักว่า การบันทึกราคาเปิด (Open) ปิด (Close) สูงสุด (High) และต่ำสุด (Low) ของตลาดในแต่ละวัน แล้วนำข้อมูลเหล่านี้มาสร้างเป็นกราฟ จะช่วยให้เขาสามารถคาดการณ์แนวโน้มราคาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างแม่นยำ ด้วยความชำนาญในการใช้รูปแบบแท่งเทียนและกราฟเหล่านี้ในการซื้อขายข้าว โฮมม่าจึงสามารถสร้างความมั่งคั่งมหาศาล จนมีทรัพย์สินเทียบเท่ามูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน
นี่คือเหตุผลที่เพียงพอที่จะให้คุณเคารพกราฟแท่งเทียน (Candlestick Charts) และรูปแบบต่าง ๆ ของมัน นักเทรดที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากในปัจจุบันใช้กราฟแท่งเทียน เพราะมันให้สัญญาณการซื้อขายที่เชื่อถือได้และแม่นยำ รูปแบบเหล่านี้สามารถช่วยปรับปรุงกลยุทธ์การเทรดของคุณและเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ของคุณได้
ในคู่มือนี้ เราจะมาดูกันในหัวข้อต่อไปนี้:
กราฟแท่งเทียนเป็นการแสดงภาพการเคลื่อนไหวของราคาของสินทรัพย์ทางการเงินในรูปแบบกราฟิก ให้ภาพรวมการซื้อขายของสินทรัพย์ภายในช่วงเวลาที่กำหนด ช่วยให้นักเทรดสามารถมองเห็น ความรู้สึกตลาด (market sentiment) ได้อย่างรวดเร็วและเข้าใจง่าย
กราฟแท่งเทียนมอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ ความเป็นไปได้ของการกลับตัวของแนวโน้ม (trend reversals), จิตวิทยาตลาด (market psychology) และช่วยในการ ตัดสินใจซื้อขาย
ด้วยการใช้กราฟแท่งเทียน นักเทรดสามารถระบุ แพตเทิร์นและสัญญาณ ที่อาจไม่ชัดเจนในกราฟเส้นแบบดั้งเดิม ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการตัดสินใจซื้อขายที่มีข้อมูลรองรับและทันเวลา
แท่งเทียนประกอบด้วยส่วนสำคัญสองส่วน:
แต่ละรูปแบบแท่งเทียนประกอบด้วยแท่งเทียนหนึ่งแท่งหรือหลายแท่งที่มีรูปร่างและลักษณะเฉพาะ บ่งบอกข้อมูลเกี่ยวกับความรู้สึกของตลาด ความเป็นไปได้ของการกลับตัวของแนวโน้ม หรือการต่อเนื่องของแนวโน้มที่มีอยู่ รูปแบบเหล่านี้เกิดขึ้นจากราคาตั้งต้น ราคาปิด ราคาสูงสุด และราคาต่ำสุดของช่วงเวลาที่กำหนด เช่น วัน สัปดาห์ หรือชั่วโมง
นักเทรดและนักวิเคราะห์ใช้รูปแบบแท่งเทียนในการตัดสินใจซื้อหรือขายสินทรัพย์ แต่ละแพตเทิร์นมีการตีความและความหมายที่อาจเกิดขึ้นต่อการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต ทำให้รูปแบบแท่งเทียนเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการ วิเคราะห์ทางเทคนิค (technical analysis) ในตลาดการเงิน.
เรามาสำรวจ รูปแบบแท่งเทียน (candlestick patterns) กันก่อน แต่ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจ รูปแบบแนวโน้ม (trend patterns) กันก่อน
แล้ว รูปแบบแนวโน้มคืออะไร?
รูปแบบแท่งเทียนจะแบ่งตามความเป็นไปได้ของทิศทางการเคลื่อนไหวและวิธีการเคลื่อนไหวของราคา ซึ่งบางรูปแบบสามารถคาดเดาได้ง่ายเหมือน ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก แต่บางรูปแบบก็ ไม่แน่นอนและสับสน จนยากต่อการคาดการณ์
มาดู รูปแบบแท่งเทียนที่พบบ่อย ซึ่งเราสามารถใช้ในการเทรดของเรา เริ่มจาก สองรูปแบบแท่งเทียนพื้นฐาน ที่บ่งบอกถึงการต่อเนื่องของแนวโน้ม จากนั้นเราจะดู กราฟแท่งเทียน ที่อาจบ่งบอกถึงการรวมตัวของราคา ความไม่แน่นอน หรือการขาดความมั่นใจในทิศทาง
สุดท้าย เราจะสำรวจ กราฟแท่งเทียน ที่อาจบ่งบอกถึงการเปลี่ยนทิศทาง โดยมีสี่รูปแบบที่สามารถบ่งบอกการเปลี่ยนเป็นขาขึ้น (จากขาลง) สี่รูปแบบที่อาจบ่งบอกการเปลี่ยนเป็นขาลง (จากขาขึ้น) และหนึ่งรูปแบบที่สามารถบ่งบอกทั้งขาขึ้นหรือขาลง ขึ้นอยู่กับทิศทางของแนวโน้มเริ่มต้น
| Candlestick Pattern | รูปแบบแนวโน้ม (Trend Pattern) | ความเชื่อมั่นตลาด (Sentiments) |
|---|---|---|
| แท่งเทียนมาตรฐาน (Standard Line candlestick) | แนวโน้มต่อเนื่อง (Continuation) | ขาขึ้น (Bullish) หรือ ขาลง (Bearish) |
| แท่งเทียนมารูโบสุ (Marubozu candlestick) | แนวโน้มต่อเนื่อง (Continuation) | ขาขึ้น (Bullish) หรือ ขาลง (Bearish) |
| สามทหารขาว (Three White Soldiers) | รูปแบบต่อเนื่อง | มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น (Potentially Bullish) |
| รูปแบบแท่งเทียนสามกาแก่ (Three Black Crows) | รูปแบบต่อเนื่อง | มีแนวโน้มเป็นขาลง (Potentially Bearish) |
| รูปแบบแท่งเทียนสปินนิ่งท็อป (Spinning Top patterns) | ความลังเล (Indecision) | ไม่ใช่ทั้งสอง (Neither) |
| แท่งเทียนแฮมเมอร์ (Hammer candlestick) | การกลับตัวของแนวโน้ม (Reversal) | มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น (Potentially Bullish) |
| แท่งเทียนโดจิแมลงปอ (Dragonfly Doji candlestick) | การกลับตัวของแนวโน้ม (Reversal) | มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น (Potentially Bullish) |
| แท่งเทียนแฮมเมอร์คว่ำ (Inverted Hammer candlestick) | การกลับตัวของแนวโน้ม (Reversal) | มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น (Potentially Bullish) |
| แท่งเทียนบูลลิชเอ็งกัลฟิง (Bullish Engulfing candlestick) | การกลับตัวของแนวโน้ม (Reversal) | มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น (Potentially Bullish) |
| แท่งเทียนชู้ตติ้งสตาร์ (Shooting Star candlestick) | การกลับตัวของแนวโน้ม (Reversal) | มีแนวโน้มเป็นขาลง (Potentially Bearish) |
| แท่งเทียนโดจิหลุมศพ (Gravestone Doji candlestick) | การกลับตัวของแนวโน้ม (Reversal) | มีแนวโน้มเป็นขาลง (Potentially Bearish) |
| แท่งเทียนแฮงกิงแมน (Hanging Man candlestick) | การกลับตัวของแนวโน้ม (Reversal) | มีแนวโน้มเป็นขาลง (Potentially Bearish) |
| แท่งเทียนแบร์ริชเอ็งกัลฟิง (Bearish Engulfing candlestick) | การกลับตัวของแนวโน้ม (Reversal) | มีแนวโน้มเป็นขาลง (Potentially Bearish) |
| แท่งเทียนโดจิขายาว (Long-Legged Doji candlestick) | การกลับตัวของแนวโน้ม (Reversal) | ขาขึ้น (Bullish) หรือ ขาลง (Bearish) |
| รูปแบบแท่งเทียน Morning Star | รูปแบบกลับตัว | มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น (Potentially Bullish) |
| แท่งเทียนดาวร่วง (Evening Star Candlestick) | รูปแบบกลับตัว | มีแนวโน้มเป็นขาลง (Potentially Bearish) |
บ่งบอกว่าแนวโน้มปัจจุบันมีโอกาสที่จะดำเนินไปในทิศทางเดียวกันต่อไป ใช้รูปแบบเหล่านี้เมื่อแนวโน้มยังคงอยู่และคุณต้องการ เพิ่มขนาดตำแหน่งในทิศทางนั้น หรือเข้าเทรดเมื่อเกิด เบรกเอาต์/ย่อตัวกลับที่ยืนยันแล้ว
เรามาสำรวจ รูปแบบต่อเนื่อง (Continuation patterns) ที่สามารถสังเกตได้จากการอ่านแท่งเทียนกัน
แท่งเทียนเส้นมาตรฐานมีเนื้อแท่งขนาดใหญ่ กล่าวคือ มีเนื้อแท่งยาวเมื่อเทียบกับแท่งเทียนทั่วไป และมีไส้เทียน (Shadows) ค่อนข้างสั้น แท่งเทียนเส้นมาตรฐานบ่งบอกง่าย ๆ ว่าแนวโน้มปัจจุบันยังคงดำเนินต่อไปในทิศทางเดียวกับแท่งเทียน
วิธีการเทรด (HOW TO TRADE)
จุดเข้า (Entry): เมื่อราคาทะลุเหนือ/ต่ำกว่าแท่งเทียน (ปิดเหนือ/ต่ำกว่า) หรือรอราคาย่อตัวกลับมาที่เนื้อแท่ง
จุดตัดขาดทุน (Stop-loss): ต่ำกว่า/สูงกว่า จุดต่ำสุด/สูงสุดของแท่ง หรือ 0.75× ATR นอกสุด
จุดทำกำไร (Take-profit): ที่แนวรับ/แนวต้านถัดไป หรือ 1.5–2× ความเสี่ยง
แท่งเทียนมารูโบซู (Marubozu Candlestick) คล้ายกับ Standard Line แต่มีลำตัวยาวกว่าและแข็งแรงกว่าอย่างมาก และแทบไม่มีเงาด้านบนหรือล่าง (หรือมีเพียงเล็กน้อย) เช่นเดียวกับ Standard Line แท่งเทียนมารูโบซูบ่งบอกถึงการต่อเนื่องของแนวโน้ม แต่เป็นสัญญาณต่อเนื่องที่มีพลังมากยิ่งขึ้น หากตลาดมีการย่อตัวในแท่งถัดไปไปในทิศทางตรงข้ามกับแท่งมารูโบซู ระดับ 50% ของช่วงแท่งมารูโบซูจะถือเป็น แนวรับหรือแนวต้านเบื้องต้น
วิธีการเทรด
Entry: เปิด Buy หรือ Sell เมื่อเกิด Follow-through หรือราคาย่อตัวกลับมาที่ 50% ของแท่ง Marubozu
Stop-loss (SL): ตั้งไว้ต่ำกว่าหรือเหนือจุดต่ำสุด/สูงสุดของแท่ง Marubozu (หรือประมาณ 1× ATR)
Take-profit (TP): ตั้งเป้าที่แนวรับ–แนวต้านถัดไป หรือที่ระดับกำไร 2× ความเสี่ยง (แรงโมเมนตัมแรง => ตั้งเป้ากำไรมากขึ้น)
เป็นรูปแบบแท่งเทียนขาขึ้น (bullish pattern) ที่มีพลัง ประกอบด้วยแท่งเทียนขาขึ้นยาว 3 แท่งต่อเนื่อง (สีขาว/เขียว) ที่ราคาปิดสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ละแท่งเทียนมักเปิดราคาภายในเนื้อแท่งของแท่งก่อนหน้า (หรือเปิดสูงกว่าบ้างเล็กน้อย) และปิดใกล้จุดสูงสุดของแท่ง แสดงถึงแรงซื้อที่ต่อเนื่องและการควบคุมของผู้ซื้ออย่างชัดเจน ตัวแพตเทิร์นเองถือเป็นหลักฐานที่แข็งแรงของโมเมนตัมขาขึ้น ความมั่นใจยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อราคาปิดต่อเนื่องสูงกว่าจุดสูงสุดของแท่ง Third Soldier ภายใน 1–2 แท่งถัดไป และมีหางบนแท่งเทียนค่อนข้างสั้น สัญญาณเหล่านี้บ่งบอกถึง แรงซื้อที่แข็งแกร่ง ทำให้เห็นถึงการกลับตัวเป็นขาขึ้นหลังแนวโน้มขาลง หรือเป็นการต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้นที่มีอยู่แล้ว
วิธีการเทรด
Entry: เปิด Buy เมื่อราคาปิดเหนือจุดสูงสุดของแท่ง Third Soldier (หรือเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวกลับมาที่ตัวแท่งแท่งที่สามเล็กน้อย)
Stop-loss: ตั้งไว้ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่ง Third Soldier (หรือใต้จุดต่ำสุดของแท่งแรกถ้าต้องการเผื่อพื้นที่มากขึ้น)
Take-profit: ตั้งเป้าที่แนวต้านถัดไป หรือที่ระดับกำไร 2 เท่าของความเสี่ยง (2× risk) (โดยปกติแรงโมเมนตัมมักค่อนข้างแข็งแรง)
เป็นรูปแบบกลับตัวขาลง (bearish) ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของ Three White Soldiers โดยประกอบด้วยแท่งเทียนขาลงยาว 3 แท่งต่อเนื่อง (สีดำ/แดง) ที่ราคาปิดต่ำลงเรื่อย ๆ แต่ละแท่งเทียนมักเปิดราคาภายในเนื้อแท่งของแท่งก่อนหน้า (หรือเปิดต่ำกว่าบ้างเล็กน้อย) และปิดใกล้จุดต่ำสุดของแท่ง แสดงถึงแรงขายต่อเนื่องและการเปลี่ยนสมดุลไปสู่ผู้ขาย รูปแบบจะได้รับการยืนยันเมื่อราคาปิดต่อเนื่องต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่ง Third Crow ภายใน 1–2 แท่งถัดไป (แท่งที่มีหางล่างยาวหรือแท่งที่มีลำตัวเล็กมาก อาจทำให้สัญญาณอ่อนลง) สิ่งนี้บ่งบอกถึง โมเมนตัมขาลงที่แข็งแกร่ง และเป็นสัญญาณกลับตัวขาลงหลังแนวโน้มขาขึ้น (bearish reversal after an uptrend)
วิธีการเทรด
Entry: เปิด Sell เมื่อราคาปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่ง Third Crow (หรือเข้าซื้อขายเมื่อราคาย่อตัวกลับ)
Stop-loss: ตั้งไว้เหนือจุดสูงสุดของแท่ง Third Crow
Take-profit: ตั้งเป้าที่แนวรับถัดไป หรือที่ระดับกำไร 2 เท่าของความเสี่ยง (2× risk)
รูปแบบไม่แน่นอน (Indecision patterns) แสดงถึงความไม่แน่นอนของตลาด ไม่ใช่สัญญาณเข้าซื้อขายโดยตรง ให้ถือเป็นสัญญาณเตือน และรอแท่งเบรกเอาต์หรือแท่งยืนยันก่อนเข้าตำแหน่ง
จากรายการรูปแบบแท่งเทียนพื้นฐานทั้งหมด มีเพียง หนึ่งรูปแบบ ที่จัดอยู่ในหมวดนี้
รูปแบบแท่งเทียนสปินนิ่งท็อป (Spinning Top patterns) มีลำตัวสั้นมากและมีเงาทั้งด้านบนและด้านล่างค่อนข้างยาว รูปแบบสปินนิ่งท็อปถือเป็น แท่งเทียนกลาง ๆ (neutral candlestick patterns) ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการรวมตัวของราคา ความไม่แน่นอน หรือการขาดความมั่นใจในทิศทางทันทีของตลาด
วิธีการเทรด
Entry: เปิดตำแหน่ง หลังแท่งเบรกเอาต์ปิดเหนือ/ต่ำกว่าแนวรับ–แนวต้าน (S/R) เท่านั้น
Stop-loss: ตั้งอย่างแน่นหนา — ต่ำกว่าจุดต่ำสุด/สูงสุดของแท่งเบรกเอาต์ (หรือ 0.5× ATR)
Take-profit: ตั้งเป้าที่แนวรับ–แนวต้านขนาดเล็กถัดไป หรือที่ระดับกำไร 1–1.5 เท่าของความเสี่ยง (1–1.5× risk)
รูปแบบกลับตัว (Reversal patterns) บ่งบอกถึงความเป็นไปได้ที่แนวโน้มจะเปลี่ยนทิศทาง จากขาขึ้นเป็นขาลง หรือในทางกลับกัน โดยต้องรอการยืนยันก่อนเข้าตำแหน่ง (โดยทั่วไปคือราคาปิดเหนือ/ต่ำกว่าจุดสูงสุดหรือต่ำสุดของแพตเทิร์น หรือยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขายที่ต่อเนื่อง) แพตเทิร์นอื่น ๆ ที่อยู่ในรายการนี้ทั้งหมดจัดอยู่ในหมวดหมู่ Reversal patterns เรามาทำความเข้าใจแต่ละแบบกันทั้งหมด
The Hammer candlestick pattern is formed in a prior downtrend. When forming the Hammer candlestick, the market dips and rebounds to close significantly above the low, closing near to or at the high of the candlestick. The confirmation of the Hammer candlestick is signalled by a close above the Hammer candlestick high in the next 1-2 candlesticks to indicate a reversal of the prior downtrend.
วิธีการเทรด
Entry: เปิด Buy เมื่อราคาปิดเหนือจุดสูงสุดของแท่ง Hammer (ยืนยันภายใน 1–2 แท่งถัดไป)
Stop-loss: ตั้งไว้ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่ง Hammer (หรือต่ำสุด − 0.5× ATR)
Take-profit: ตั้งเป้าที่แนวต้านแรก หรือที่ระดับกำไร 1.5–2 เท่าของความเสี่ยง (1.5–2× risk)
แท่งเทียนโดจิแมลงปอ (Dragonfly Doji) มีลักษณะคล้ายกับ แท่งเทียนแฮมเมอร์ (Hammer candlestick) แต่ความต่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิดมีน้อยมากหรือเท่ากัน หมายถึงลำตัวแทบไม่มีหรือมีเพียงเล็กน้อย เช่นเดียวกับแท่งแฮมเมอร์ การยืนยันสัญญาณเกิดขึ้นเมื่อราคาปิดต่อเนื่องเหนือจุดสูงสุดของแท่งโดจิแมลงปอในแท่งถัดไป 1–2 แท่ง ซึ่งบ่งบอกถึง การกลับตัวของแนวโน้มขาลงก่อนหน้า
วิธีการเทรด
Entry: เปิด Buy เมื่อราคาปิดเหนือจุดสูงสุดของแท่ง Doji (ยืนยันแล้ว)
Stop-loss: ตั้งไว้ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่ง Doji (หรือจุดต่ำสุดของ Doji − 1× ATR)
Take-profit: ตั้งเป้าที่แนวต้านถัดไป หรือที่ระดับกำไร 1.5–2 เท่าของความเสี่ยง (1.5–2× risk)
แท่งเทียนที่อาจบ่งบอกสัญญาณขาขึ้นถัดไปคือ แท่งเทียนแฮมเมอร์คว่ำ (Inverted Hammer) ซึ่งเป็นเวอร์ชันกลับด้านของแท่งแฮมเมอร์ เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง ในระหว่างการเกิดแท่งเทียนแฮมเมอร์คว่ำ ตลาดจะดิ่งลง จากนั้นเด้งขึ้นและดิ่งลงอีกครั้ง ปิดต่ำกว่าแนวสูงอย่างชัดเจน ใกล้หรือที่จุดต่ำสุดของแท่งเทียน แต่ตลาดยังต้องดำเนินการต่ออีกเพื่อให้เกิดสัญญาณการเปลี่ยนเป็นขาขึ้น โดยจำเป็นต้อง ปิดเหนือจุดสูงสุดของแท่งเทียนแฮมเมอร์คว่ำในแท่งถัดไป 1–2 แท่ง จึงจะบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้นได้.
วิธีการเทรด
Entry: เปิด Buy เมื่อราคาปิดเหนือจุดสูงสุดของแท่ง Inverted Hammer
Stop-loss: ตั้งไว้ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่ง Inverted Hammer
Take-profit: ตั้งเป้าที่แนวต้านถัดไป หรือที่ระดับกำไร 1.5–2 เท่าของความเสี่ยง (1.5–2× risk)
แท่งเทียนบูลลิชเอ็งกัลฟิง (Bullish Engulfing candlestick) เป็นรูปแบบกลับตัวขาขึ้นที่แข็งแกร่ง และบางครั้งเรียกว่า Key Reversal Pattern แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญของความรู้สึกตลาดจากขาลงเป็นขาขึ้น ต้องมีแนวโน้มขาลงก่อนหน้า และในระหว่างการเกิดแท่งบูลลิชเอ็งกัลฟิง ตลาดจะดิ่งลงก่อน จากนั้นเด้งขึ้นปิดเหนือราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า ดังนั้น ลำตัวของแท่งเทียนทั้งสองจึงมีทิศทางและสีตรงข้ามกัน จากสีแดงเป็นสีเขียว แท่งเทียนบูลลิชเอ็งกัลฟิงที่ “ปกคลุม” แท่งเทียนก่อนหน้าจะมีราคาเปิดต่ำกว่าและราคาปิดสูงกว่า ในกรณีนี้ เงาด้านบนและด้านล่างไม่สำคัญ
วิธีการเทรด
Entry: เปิด Buy เมื่อราคาปิดเหนือจุดสูงสุดของแท่ง Engulfing (หรือเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวกลับมายังตัวแท่ง Engulfing)
Stop-loss: ตั้งไว้ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งที่ถูกกลืน (Engulfed) (หรือใต้จุดต่ำสุดของแท่ง Engulfing)
Take-profit: ตั้งเป้าที่แนวต้านถัดไป หรือที่ระดับกำไร 2 เท่าของความเสี่ยง (2× risk)
แท่งเทียนชู้ตติ้งสตาร์ (Shooting Star candlestick) เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น ในระหว่างการเกิดแท่งเทียนนี้ ตลาดจะพุ่งขึ้นก่อนแล้วดิ่งลงปิดต่ำกว่าแนวสูงอย่างชัดเจน แท่งชู้ตติ้งสตาร์มี เงาด้านบนยาว ล่างแทบไม่มีหรือน้อยมาก และลำตัวค่อนข้างสั้น โดยควรปิดต่ำกว่าเพื่อให้เป็นลำตัวสีแดง การปิดต่ำกว่า จุดต่ำสุดของแท่งชู้ตติ้งสตาร์ในแท่งถัดไป 1–2 แท่ง จะยืนยันสัญญาณการกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้นไปสู่ขาลง
วิธีการเทรด
Entry: เปิด Sell เมื่อราคาปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่ง Shooting Star (ยืนยันแล้ว)
Stop-loss: ตั้งไว้เหนือจุดสูงสุดของแท่ง Shooting Star (หรือบวกเพิ่ม 0.5–1× ATR)
Take-profit: ตั้งเป้าที่แนวรับถัดไป หรือที่ระดับกำไร 1.5–2 เท่าของความเสี่ยง (1.5–2× risk)
แท่งเทียนโดจิหลุมศพ (Gravestone Doji) มีลักษณะคล้ายกับ แท่งเทียนชู้ตติ้งสตาร์ (Shooting Star candlestick) แต่ความต่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิดมีน้อยมากหรือเท่ากัน หมายถึงแทบไม่มีลำตัว เช่นเดียวกับแท่งชู้ตติ้งสตาร์ แท่งโดจิหลุมศพมี เงาด้านบนยาวและเงาด้านล่างแทบไม่มีหรือน้อยมาก การปิดต่ำกว่า จุดต่ำสุดของแท่งโดจิหลุมศพในแท่งถัดไป 1–2 แท่ง จะยืนยันการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้นก่อนหน้า
วิธีการเทรด
Entry: เปิด Sell เมื่อราคาปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่ง Gravestone (ยืนยันแล้ว)
Stop-loss: ตั้งไว้เหนือจุดสูงสุดของแท่ง Gravestone
Take-profit: ตั้งเป้าที่แนวรับถัดไป หรือที่ระดับกำไร 1.5–2 เท่าของความเสี่ยง (1.5–2× risk)
แท่งเทียนแฮงกิงแมน (Hanging Man candlestick) เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น ในระหว่างการเกิดแท่งแฮงกิงแมน ตลาดจะพุ่งขึ้นก่อน ย่อตัวลง แล้วเด้งกลับขึ้นอีกครั้ง ปิดเหนือจุดต่ำสุดอย่างชัดเจน ใกล้หรือที่จุดสูงสุด แท่งแฮงกิงแมนมี ลำตัวสั้น เงาด้านล่างยาว และมีเงาด้านบนเล็กน้อยหรือแทบไม่มี อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดสัญญาณการกลับตัวขาลง ตลาดยังต้องดำเนินการต่อโดย ปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งแฮงกิงแมนในแท่งถัดไป 1–2 แท่ง
วิธีการเทรด
Entry: เปิด Sell เมื่อราคาปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่ง Hanging Man (ยืนยันแล้ว)
Stop-loss: ตั้งไว้เหนือจุดสูงสุดของแท่ง Hanging Man
Take-profit: ตั้งเป้าที่แนวรับหลักถัดไป หรือที่ระดับกำไร 2 เท่าของความเสี่ยง (2× risk)
แท่งเทียนแบร์ริชเอ็งกัลฟิง (Bearish Engulfing candlestick) เป็นตรงข้ามกับ แท่งเทียนบูลลิชเอ็งกัลฟิง (Bullish Engulfing candlestick) และเป็นรูปแบบกลับตัวขาลงที่แข็งแกร่ง บางครั้งเรียกว่า Key Reversal Pattern แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญของความรู้สึกตลาดจากขาขึ้นเป็นขาลง ต้องมีแนวโน้มขาขึ้นก่อนหน้า และในระหว่างการเกิดแท่งแบร์ริชเอ็งกัลฟิง ตลาดจะดีดขึ้นก่อน จากนั้นขายออกจนปิดต่ำกว่าราคาเปิดของแท่งก่อนหน้า ดังนั้น ลำตัวของแท่งเทียนทั้งสองมีทิศทางและสีตรงข้ามกัน จากสีเขียวเป็นสีแดง แท่งแบร์ริชเอ็งกัลฟิง “ปกคลุม” แท่งก่อนหน้า หมายถึงมีราคาเปิดสูงกว่าและราคาปิดต่ำกว่า เช่นเดียวกับแท่งบูลลิชเอ็งกัลฟิง เงาด้านบนและด้านล่างไม่สำคัญเป็นพิเศษ
วิธีการเทรด
Entry: เปิด Sell เมื่อราคาปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่ง Engulfing (ยืนยันแล้ว)
Stop-loss: ตั้งไว้เหนือจุดสูงสุดของแท่งที่ถูกกลืน (Engulfed) (หรือเหนือจุดสูงสุดของแท่ง Engulfing)
Take-profit: ตั้งเป้าที่แนวรับถัดไป หรือที่ระดับกำไร 2 เท่าของความเสี่ยง (2× risk)
แท่งเทียนโดจิขายาว (Long-Legged Doji candlestick) เป็นรูปแบบที่สามารถบ่งบอกทั้งสัญญาณขาขึ้นหรือขาลง และแสดงถึงการกลับตัวของแนวโน้มเดิม แท่งโดจิขายาวมี ลำตัวแทบไม่มีหรือไม่มีเลย และมีเงาด้านบนและด้านล่างยาวใกล้เคียงกันรูปแบบแท่งเทียนนี้แสดงถึง จุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น จากขาขึ้นเป็นขาลง หรือจากขาลงเป็นขาขึ้น การยืนยันการเปลี่ยนแนวโน้มเกิดขึ้นในแท่งถัดไป 1–2 แท่ง โดยราคาดิ่งต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งโดจิขายาวในกรณีแนวโน้มขาขึ้นเพื่อสัญญาณขาลง ส่วนการกลับตัวขาขึ้นเกิดขึ้นเมื่อราคาปิดเหนือจุดสูงสุดของแท่งโดจิขายาวในแนวโน้มขาลงในแท่งถัดไป 1–2 แท่ง
วิธีการเทรด
Entry: เปิด Buy เหนือจุดสูงสุดของ Doji (สำหรับสัญญาณขาขึ้น) หรือเปิด Sell ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของ Doji (สำหรับสัญญาณขาลง) เมื่อราคาปิดยืนยัน
Stop-loss: ตั้งไว้เลยขอบสุดของ Doji (1× ATR)
Take-profit: ตั้งเป้าที่แนวรับ–แนวต้านถัดไป หรือที่ระดับกำไร 1.5–2 เท่าของความเสี่ยง
Morning Star คือรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวจากขาลง (bullish reversal pattern) ที่ประกอบด้วยแท่งเทียนสามแท่ง และเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลงก่อนหน้า ลำดับของแพตเทิร์นเริ่มด้วยแท่งเทียนขาลงขนาดยาว ตามด้วยแท่งเทียนลำตัวเล็กที่แสดงถึงความไม่แน่นอนของตลาดและมีการเปิดราคาต่ำลง และปิดท้ายด้วยแท่งเทียนขาขึ้นขนาดยาวที่ราคาปิดเข้าไปในเนื้อแท่งแรกอย่างชัดเจน และโดยอุดมคติแล้ว ควรปิดเหนือกึ่งกลางของลำตัวแท่งเทียนแรก สัญญาณยืนยันจะเกิดขึ้นเมื่อแพตเทิร์นได้รับแรงหนุนจากการปิดราคาที่สูงกว่าจุดสูงสุดของ Morning Star (หรือเหนือกึ่งกลางของแท่งแรก) ภายใน 1–2 แท่งถัดไป ซึ่งแสดงถึงแรงซื้อที่ต่อเนื่องอย่างชัดเจน สิ่งนี้บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงจากภาวะตลาดขาลงเป็นตลาดขาขึ้น และเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเมื่อมีการยืนยันสัญญาณแล้ว
วิธีการเทรด
จุดเข้า (Entry): เปิด Buy เมื่อราคาปิดสูงกว่าจุดสูงสุดของแท่งเทียนแท่งที่สาม (หรือสูงกว่ากึ่งกลางของแท่งเทียนแท่งแรก)
จุดตัดขาดทุน (Stop-loss): ตั้งไว้ต่ำกว่าราคาต่ำสุดของทั้งสามแท่งเทียน (หรือราคาต่ำสุดของแท่งเทียนแท่งที่สาม)
จุดทำกำไร (Take-profit): ตั้งไว้ที่แนวต้านแรก หรือที่ระดับกำไรเท่ากับ 2 เท่าของความเสี่ยง (2× risk)
แท่งเทียนดาวร่วง (Evening Star) เป็นรูปแบบกลับตัวขาลงที่ตรงข้ามกับแท่งเทียนดาวรุ่ง (Morning Star) โดยสัญญาณของมันบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นจากแนวโน้มขาขึ้นไปสู่แนวโน้มขาลง รูปแบบนี้เริ่มต้นด้วยแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ ตามด้วยแท่งเทียนขนาดเล็กที่แสดงถึงความลังเลของตลาด ซึ่งเกิดช่องว่างขึ้นด้านบน (Gap Higher) และปิดท้ายด้วยแท่งเทียนขาลงขนาดยาวที่ปิดตัวลงต่ำลึกเข้าไปในเนื้อแท่งเทียนแรก (หรือปิดต่ำกว่ากึ่งกลางของแท่งเทียนแรก) มุมมองขาลงจะได้รับการยืนยันเมื่อราคาปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งดาวร่วง (หรือปิดต่ำกว่ากึ่งกลางของแท่งเทียนแท่งแรก) ภายใน 1–2 แท่งเทียนถัดไป ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงขายที่เพิ่มมากขึ้น และอาจเป็นโอกาสในการพิจารณาเปิดสถานะขาย (Short Position) หรือปรับลดสถานะซื้อ (Long) เมื่อมีสัญญาณยืนยันปรากฏขึ้น
วิธีการเทรด (HOW TO TRADE)
จุดเข้า (Entry): เปิดสถานะขายเมื่อราคาปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งเทียนแท่งที่สาม (หรือปิดต่ำกว่ากึ่งกลางของแท่งเทียนแท่งแรก)
จุดตัดขาดทุน (Stop-loss): วางเหนือจุดสูงสุดของแท่งเทียนที่สูงที่สุดในทั้งสามแท่ง
จุดทำกำไร (Take-profit): ที่แนวรับถัดไป หรือกำหนดเป้าหมายกำไรที่ 2 เท่าของความเสี่ยง (2× risk)
แม้ว่ารูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns) จะมีประสิทธิภาพโดยทั่วไป แต่โดยมากแล้วจะให้สัญญาณที่น่าเชื่อถือมากกว่าในกรอบเวลาที่ยาวกว่า (Longer Timeframes) รูปแบบบนกราฟรายวัน (Daily) และ 4 ชั่วโมง (4-Hour) มักมีความแม่นยำสูงกว่ากราฟระยะสั้น เช่น 5 นาที หรือ 15 นาที ซึ่งมักเกิด “สัญญาณรบกวน” และ “สัญญาณหลอก” มากกว่า
มาดูกันว่ารูปแบบแท่งเทียนเหล่านี้มีพฤติกรรมแตกต่างกันอย่างไรในแต่ละตลาด —
ตลาดฟอเร็กซ์ (FOREX): รูปแบบแท่งเทียนมักให้ผลดีในตลาดฟอเร็กซ์ เนื่องจากมีสภาพคล่องสูงและตอบสนองต่อสัญญาณทางเทคนิคได้ดี โดยเฉพาะในกรอบเวลา 1 ชั่วโมงถึงรายวัน (1H–Daily) อย่างไรก็ตาม ควรระวังข่าวเศรษฐกิจสำคัญ (ปัจจัยพื้นฐาน) ที่อาจทำให้รูปแบบแท่งเทียนสูญเสียความน่าเชื่อถือได้ ใช้ตัวชี้วัด ATR เพื่อคำนวณขนาดของจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ในคู่เงินที่มีความผันผวนสูง
ตลาดหุ้น (STOCKS): ปริมาณการซื้อขาย (Volume) มีความสำคัญอย่างยิ่ง การกลับตัวหรือการต่อเนื่องของแนวโน้มในหุ้นที่ไม่มีการยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขายมักจะอ่อนแอ ข่าวผลประกอบการ ข่าวบริษัท และความผันผวนในช่วงเปิด–ปิดตลาดอาจสร้างแท่งเทียนที่หลอกลวงได้ แนะนำให้ใช้กราฟรายวัน (Daily Chart) ร่วมกับการยืนยันของปริมาณการซื้อขาย
ตลาดคริปโต (CRYPTO): รูปแบบแท่งเทียนในตลาดคริปโตมักแสดงอาการเกินจริง (Exaggerated) และอาจเกิดสัญญาณหลอกได้เร็ว เนื่องจากสภาพคล่องต่ำและมีแรงซื้อขายจากรายย่อยเป็นหลัก ควรคาดการณ์ความผันผวนรุนแรงในกรอบเวลาสั้น ใช้จุดตัดขาดทุนกว้างขึ้น (ตามค่า ATR) และรอการยืนยันที่ชัดเจนขึ้น เช่น สัญญาณต่อเนื่องจากหลายแท่งเทียน หรือสัญญาณจากข้อมูลบนบล็อกเชน/ปริมาณการซื้อขาย
เราได้เรียนรู้พื้นฐานของรูปแบบแท่งเทียนเดี่ยวและคู่ ที่บ่งบอกถึงแนวโน้มการ ต่อเนื่อง, ลังเลหรือพักตัว, รวมถึง การกลับตัวของแนวโน้ม ทั้งในขาขึ้นและขาลง ไม่ว่าคุณจะเป็น เทรดเดอร์รายวัน (Day Trader), เทรดเดอร์ระยะกลาง (Swing/Position Trader) หรือใช้ กลยุทธ์อื่น ๆ คุณสามารถนำรูปแบบแท่งเทียนมาใช้ช่วยในการ เข้าเทรดหรือออกจากการเทรด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเริ่มต้นก็ง่ายมาก — เพียงเปิด แพลตฟอร์ม MetaTrader, ลงชื่อเข้าใช้ และเริ่มสังเกตรูปแบบแท่งเทียนบนกราฟจริงได้เลย!
ยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? เปิดบัญชี ทดลอง (Demo) หรือ บัญชีจริง (Live) กับ Hantec Markets ได้ภายในไม่กี่นาทีเท่านั้น!
Top 5 Blogs