10 บริษัทนอกสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดในปี 2025: อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เปลี่ยนทิศ แบรนด์หรูพุ่งแรง ธนาคารยักษ์ขยับเกม

ทำไมเราจึงสร้างโพสต์นี้? 

การรู้ว่าใครคือยักษ์ใหญ่ของตลาดโลก (นอกสหรัฐฯ) ไม่ใช่แค่เรื่องรู้ไว้ไม่เสียหาย — แต่มันเป็นเครื่องมือทรงพลังสำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ บทความนี้ให้ภาพรวมของผู้นำตลาดนอกสหรัฐฯ โดยอิงจากมูลค่าตลาด เพื่อช่วยให้คุณ: 

• มองเห็นผู้นำตลาดและความมั่นคงของพวกเขา 
• ระบุแนวโน้มในอุตสาหกรรมและโซนการเติบโต 
• บริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนได้ดีขึ้น 

ไม่ว่าคุณจะจัดการความเสี่ยงในอุตสาหกรรมเฉพาะ เจาะจับกระแสเศรษฐกิจในจีนหรือยุโรป หรือกำลังหาหุ้นเติบโตระยะยาว รายชื่อนี้จะเป็นเครื่องมืออ้างอิงสำคัญในการวางกลยุทธ์การลงทุนระดับโลกที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น 

เกิดอะไรขึ้นบ้าง? 

ตั้งแต่การอัปเดตครั้งก่อน ภูมิทัศน์ของบริษัทนอกสหรัฐฯ ที่ใหญ่ที่สุดได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ: 

• Saudi Aramco ยังคงครองอันดับ 1 ด้วยมูลค่าที่สูงที่สุดในโลกนอกสหรัฐ 
• TSMC รั้งอันดับ 2 ไว้อย่างมั่นคง ด้วยดีมานด์เซมิคอนดักเตอร์ที่ยังแข็งแรงทั่วโลก 
• Tencent ยังคงอยู่อันดับ 3 เป็นหัวหอกเทคโนโลยีของจีน 
• ICBC ขยับขึ้นอันดับ 4 ด้วยแรงหนุนจากเสถียรภาพของระบบธนาคารจีน 
• Samsung ตามมาในอันดับ 5 จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ 
• SAP ขึ้นสู่อันดับ 6 จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของระบบคลาวด์ 
• Novo Nordisk ลดลงสู่อันดับ 7 แม้ยอดขายในยารักษาเบาหวานและโรคอ้วนยังแข็งแรง 
• ASML อยู่อันดับ 8 จากความผันผวนของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ 
• Alibaba กลับมาอยู่อันดับ 9 จากสัญญาณเสถียรภาพในตลาดอีคอมเมิร์ซจีน 
• Hermès เบียดแซง LVMH และ Nestlé ขึ้นมาอันดับ 10 แสดงถึงพลังของแบรนด์ลักซ์ชัวรี่ที่ยังไม่เสื่อมคลาย 

นับตั้งแต่การอัปเดตครั้งล่าสุด ภูมิทัศน์ของบริษัทนอกสหรัฐฯ ชั้นนำได้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายประการ โดย Saudi Aramco ยังคงครองตำแหน่งสูงสุดในฐานะบริษัทนอกสหรัฐฯ ที่มีมูลค่ามากที่สุด ขณะที่ TSMC ยังคงรั้งอันดับสองจากความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกที่ยังแข็งแกร่ง Tencent ยังคงอยู่อันดับสาม สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในภาคเทคโนโลยีของจีน ICBC ขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับสี่ อันเป็นผลจากเสถียรภาพของภาคธนาคารจีน โดยมี Samsung Electronics ตามมาติด ๆ ในอันดับห้า ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของตลาดอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก SAP ขยับขึ้นสู่อันดับหกจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของระบบคลาวด์ ขณะที่ Novo Nordisk ตกลงมาอยู่อันดับเจ็ด แม้มียอดขายที่แข็งแกร่งในผลิตภัณฑ์รักษาโรคเบาหวานและโรคอ้วน ASML ขณะนี้อยู่ในอันดับแปด ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอุปสงค์ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ส่วน Alibaba กลับมาอยู่อันดับเก้าอีกครั้ง ท่ามกลางสัญญาณการฟื้นตัวของอีคอมเมิร์ซในจีน Hermès เข้ามาอยู่อันดับสิบ เบียดแซงผู้ท้าชิงรายเดิมอย่าง LVMH และ Nestlé แสดงให้เห็นถึงคุณค่าที่มั่นคงของแบรนด์สินค้าอัลตร้าลักชัวรี&

10 บริษัทนอกสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในปี 2025

แหล่งที่มา: Companies ranked by Market Cap - CompaniesMarketCap.com

1. Saudi Aramco (TADAWUL: 2222)(ซาอุดิอาราเบีย)

Saudi Aramco คือยักษ์ใหญ่ด้านน้ำมันที่เป็นหัวใจของตลาดพลังงานโลก ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย บริษัทถือครองปริมาณสำรองน้ำมันมหาศาล และผลิตน้ำมันมากกว่าบริษัทใดในโลก อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีกำไรมากที่สุดในโลก

ก่อตั้งขึ้นในปี 1933 Aramco เติบโตเป็นกลุ่มธุรกิจพลังงานแบบบูรณาการในแนวดิ่งอย่างสมบูรณ์ ตั้งแต่การขุดเจาะ การกลั่น การขนส่ง ไปจนถึงปิโตรเคมี Aramco ควบคุมทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน และในการเสนอขายหุ้น IPO ปี 2019 Aramco ได้สร้างสถิติเป็นการเข้าตลาดที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของบริษัทในเศรษฐกิจโลก

มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองดาห์ราน อิทธิพลของ Aramco แผ่ขยายทั้งในตลาดพลังงานและเวทีภูมิรัฐศาสตร์ โดยมีบทบาทสำคัญทั้งในการตอบสนองความต้องการภายในประเทศและส่งออกไปยังทั่วโลก

ข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์: ต้นทุนการผลิตที่ต่ำ ปริมาณสำรองน้ำมันมหาศาล และการควบคุมห่วงโซ่อุปทานอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้ Aramco มีประสิทธิภาพสูงเป็นพิเศษ การรวมกันของขนาดธุรกิจและความพึ่งพาตนเองได้นี้ ส่งเสริมความสามารถในการทำกำไรระยะยาวและอิทธิพลในตลาดพลังงานระดับโลก

2. TSMC (TWSE: 2330, NYSE: TSM)(ไต้หวัน)

TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company) ไม่ใช่แค่ผู้ผลิตชิปรายหนึ่ง แต่คือหัวใจสำคัญเบื้องหลังนวัตกรรมดิจิทัลส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงเซิร์ฟเวอร์ AI เมื่อต้องการชิประดับสูงสุด บริษัทชั้นนำทั่วโลกมักเลือก TSMC เป็นผู้ผลิต

ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 TSMC เป็นผู้บุกเบิกโมเดลโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์แบบเฉพาะทาง (dedicated foundry model) ซึ่งต่างจากคู่แข่งที่ออกแบบและผลิตชิปด้วยตนเอง TSMC มุ่งเน้นเพียงด้านการผลิตชิปให้กับลูกค้า เช่น Apple, NVIDIA และ AMD ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางนี้ทำให้บริษัทสามารถทุ่มทรัพยากรไปที่การพัฒนากระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง ผลิตชิปที่เล็กลง เร็วขึ้น และประหยัดพลังงานมากขึ้น

TSMC มีสำนักงานใหญ่ในเมืองซินจู๋ ประเทศไต้หวัน และกำลังขยายการผลิตในระดับโลก ด้วยการสร้างโรงงานแห่งใหม่ในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น เพื่อตอบรับกับความต้องการด้านภูมิรัฐศาสตร์และความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน

ข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์: บทบาทของ TSMC ในฐานะโรงงานผลิตชิปอิสระที่ได้รับความไว้วางใจ ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบเฉพาะตัว ความเป็นกลางของ TSMC ช่วยให้สามารถทำงานร่วมกับผู้ออกแบบชิปรายใหญ่แทบทุกแห่ง ความเป็นผู้นำในเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง ขนาดการผลิตที่เหนือชั้น และการลงทุนใน R&D อย่างต่อเนื่อง ทำให้ TSMC เป็นผู้เล่นที่แทบไม่มีใครมาแทนที่ได้ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

3. Tencent Holdings Ltd. (SEHK: 0700)(จีน)

Tencent เป็นยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังวิถีชีวิตดิจิทัลประจำวันของชาวจีน ตั้งแต่การแชทใน WeChat ไปจนถึงการครองชาร์ตเกมมือถือ แพลตฟอร์มของ Tencent ถูกฝังลึกในชีวิตดิจิทัลสมัยใหม่ ด้วยจำนวนผู้ใช้งาน WeChat กว่า 1 พันล้านคน ซึ่งไม่ได้ใช้แค่เพื่อส่งข้อความ แต่ยังใช้สำหรับการชำระเงิน ช้อปปิ้ง และจองตั๋วเครื่องบิน

นอกเหนือจากระบบซูเปอร์แอปของตัวเองแล้ว Tencent ยังเป็นเจ้าของหรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในบริษัทเกมระดับโลก เช่น เป็นเจ้าของ Riot Games มีสัดส่วนการถือหุ้นจำนวนมากใน Epic Games และให้การสนับสนุนสตูดิโอเกมทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีบทบาทในธุรกิจคลาวด์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และฟินเทคอีกด้วย

Tencent มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเซินเจิ้น และนำโดย Pony Ma ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจดิจิทัลในเอเชีย

ข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์: Tencent เติบโตด้วยการสร้างแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงกันอย่างครบวงจร ให้ผู้ใช้สามารถแชท เล่นเกม ช้อปปิ้ง และชำระเงินได้ภายในที่เดียว การบูรณาการเช่นนี้ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมของผู้ใช้อย่างลึกซึ้งและสร้างรายได้หลายช่องทางจากระบบนิเวศของบริษัท ขณะเดียวกันการลงทุนในอุตสาหกรรมเกมระดับโลกยังช่วยสร้างการกระจายความเสี่ยงที่มีมูลค่าสูง

4. ICBC (SSE: 601398, HKEX: 1398)(จีน)

ลองจินตนาการถึงธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อวัดจากมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมด — นั่นคือ ICBC หรือธนาคารอุตสาหกรรมและพาณิชย์แห่งประเทศจีน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน ด้วยการให้เงินทุนสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน ภาคธุรกิจ และการเงินส่วนบุคคลในระดับมหาศาล

อิทธิพลของ ICBC ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในจีน แต่ยังขยายออกไปทั่วโลก ด้วยสาขาหลายร้อยแห่งในต่างประเทศ ICBC ทำหน้าที่เป็นทูตทางการเงินของจีน สนับสนุนการค้า การลงทุน และการพัฒนาในระดับนานาชาติ

ก่อตั้งขึ้นในปี 1984 โดยมีสำนักงานใหญ่ในกรุงปักกิ่ง ICBC เป็นธนาคารของรัฐที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และฮ่องกง และมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับนโยบายเศรษฐกิจระดับชาติ

ข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์: การสนับสนุนจากรัฐบาล ขนาดสินทรัพย์มหาศาล และการขยายตัวในระดับโลก ทำให้ ICBC มีความมั่นคงและขนาดที่เหนือใคร ความเป็นผู้นำในตลาดสินเชื่อของจีนและบทบาทในโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐทั่วโลก ทำให้ธนาคารสามารถสนับสนุนโครงการทุนขนาดใหญ่ได้โดยมีความเสี่ยงต่ำ เป็นกลไกสำคัญของนโยบายเศรษฐกิจจีนที่พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตในระดับมหภาคอย่างมั่นคง

5. Samsung Electronics Co., Ltd. (KRX: 005930)(เกาหลีใต้)

Samsung เป็นบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ข้ามชาติจากเกาหลีใต้ และเป็นผู้นำระดับโลกด้านอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคและการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ มีผลิตภัณฑ์หลากหลายตั้งแต่สมาร์ทโฟนและโทรทัศน์ ไปจนถึงชิปหน่วยความจำและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โดยสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy ของ Samsung ถือเป็นคู่แข่งสำคัญของอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ทั่วโลก

ก่อตั้งขึ้นในปี 1969 ในฐานะบริษัทในเครือของ Samsung Group ปัจจุบัน Samsung Electronics เติบโตจนกลายเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่มีรายได้สูงที่สุดในโลก บริษัทอยู่แนวหน้าของนวัตกรรมในหลากหลายสาขาเทคโนโลยี รวมถึงความก้าวหน้าในด้านเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีหน้าจอ เช่น OLED และ QLED โมเดลธุรกิจที่หลากหลายและการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Samsung เป็นผู้เล่นหลักในตลาดอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก

ข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์: การบูรณาการในแนวดิ่งของ Samsung ครอบคลุมทั้งฮาร์ดแวร์ ชิ้นส่วน และหน้าจอ ช่วยให้บริษัทมีขนาดการผลิตและการควบคุมห่วงโซ่อุปทานที่เหนือชั้น ความเป็นผู้นำในด้านชิปหน่วยความจำ การลงทุนในเทคโนโลยีแห่งอนาคต และความแข็งแกร่งของแบรนด์ระดับโลก ส่งผลให้ Samsung เป็นทั้งผู้นำด้านนวัตกรรมและมหาอำนาจด้านการผลิตในตลาดอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งในระดับผู้บริโภคและอุตสาหกรรม

6. SAP (FWB: SAP, NYSE: SAP)(เยอรมัน)

SAP อาจไม่ใช่ชื่อที่คุ้นหูสำหรับคนทั่วไป แต่หากคุณเคยคืนสินค้าหรือได้รับสลิปเงินเดือน มีความเป็นไปได้สูงว่าซอฟต์แวร์ของ SAP มีส่วนช่วยอยู่เบื้องหลัง SAP พัฒนาระบบธุรกิจที่ใช้โดยบริษัทชั้นนำทั่วโลก ครอบคลุมตั้งแต่โลจิสติกส์ การเงิน ไปจนถึงทรัพยากรบุคคล

จุดแข็งของ SAP คือระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) ซอฟต์แวร์ที่ช่วยเชื่อมโยงแผนกต่างๆ ภายในองค์กรและปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ปัจจุบันมีธุรกิจกว่า 400,000 รายในกว่า 180 ประเทศที่ใช้ระบบของ SAP ในการดำเนินงานประจำวัน

SAP ก่อตั้งขึ้นในปี 1972 ที่ประเทศเยอรมนี โดยวิศวกรอดีตพนักงาน IBM จำนวน 5 คน ปัจจุบัน SAP เป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีสำหรับองค์กร และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ตและนิวยอร์ก

ข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์: ซอฟต์แวร์ของ SAP ถูกฝังแน่นอยู่ในกระบวนการทำงานขององค์กรขนาดใหญ่ทั่วหลากหลายอุตสาหกรรม ทำให้ยากต่อการแทนที่ ความเป็นผู้นำในระบบ ERP การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบคลาวด์ และความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้า ช่วยให้ SAP เป็นเสาหลักที่มั่นคงในวงการ IT สำหรับองค์กรระดับโลก พร้อมสร้างรายได้ที่คาดการณ์ได้และมีความยืดหยุ่นต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาด

7. Novo Nordisk A/S (CPH: NOVO-B, NYSE: NVO)(เดนมาร์ก)

Novo Nordisk มีบทบาทสำคัญในการรักษาหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดของโลก: โรคเบาหวาน โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศเดนมาร์ก บริษัทยายักษ์ใหญ่แห่งนี้ยังเป็นผู้นำในการพัฒนายาฮอร์โมนบำบัดและยาลดน้ำหนักอีกด้วย

หลังจากการควบรวมกิจการในปี 1989 Novo Nordisk ก็กลายเป็นผู้จัดหาอินซูลินรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่ปัจจุบันบริษัทไม่ได้มุ่งเน้นแค่โรคเบาหวานเท่านั้น ยังได้ขยายสู่การรักษาโรคอ้วนและโรคหายากต่างๆ ซึ่งได้รับความต้องการสูงและเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ภายใต้การนำของซีอีโอ Lars Fruergaard Jørgensen บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โคเปนเฮเกน และเป็นที่รู้จักในด้านการวิจัยที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม

ข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์: ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของ Novo Nordisk ในการดูแลโรคเบาหวานและฮอร์โมน ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขัน ความสามารถในการนำนวัตกรรมมาพัฒนาในกลุ่มการรักษาเฉพาะทาง พร้อมกับการผลิตในระดับอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้และส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง

8. ASML Holding N.V (NASDAQ: ASML)(เนเธอร์แลนด์)

ASML Holding เป็นบริษัทข้ามชาติสัญชาติดัตช์และเป็นผู้ให้บริการระบบโฟโตลิโธกราฟีชั้นนำของโลกสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการผลิตวงจรรวม (Integrated Circuits) เครื่องลิโธกราฟีล้ำสมัยแบบ EUV (Extreme Ultraviolet) ของบริษัทเป็นหัวใจสำคัญในการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ระดับแนวหน้า

ก่อตั้งขึ้นในปี 1984 ในรูปแบบกิจการร่วมค้าระหว่าง ASM International และ Philips ปัจจุบัน ASML เป็นซัพพลายเออร์รายสำคัญของผู้ผลิตชิปรายใหญ่ เช่น Intel, TSMC และ Samsung นวัตกรรมทางเทคโนโลยีของบริษัทช่วยให้ Moore's Law ยังคงเดินหน้าได้ ด้วยการผลิตชิปที่มีขนาดเล็กลง เร็วขึ้น และประหยัดพลังงานมากขึ้น ความเป็นผู้นำของ ASML ในเทคโนโลยี EUV ทำให้บริษัทกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีระดับโลก

ข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์: ASML ครองส่วนแบ่งตลาดแทบทั้งหมดในเทคโนโลยีลิโธกราฟีแบบ EUV ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการผลิตชิประดับสูง ความเป็นผู้นำจากการวิจัยและพัฒนาต่อเนื่องหลายสิบปี การผสานงานลึกกับลูกค้า และการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา ทำให้เกิดอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดในระดับสูงมาก ส่งผลให้ ASML กลายเป็นบริษัทที่ขาดไม่ได้สำหรับอนาคตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง

9. Alibaba Group Holdings Ltd. (SEHK: 9988; NYSE: BABA)(อาลีบาบา)

Alibaba ไม่ได้เป็นเพียงแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์เท่านั้น แต่เป็นระบบนิเวศดิจิทัลที่ขับเคลื่อนทุกอย่างตั้งแต่ค้าปลีก การชำระเงิน ไปจนถึงคลาวด์คอมพิวติ้งในจีน ลองนึกภาพว่าเป็น Amazon ผสมกับ PayPal และ AWS รวมอยู่ในหนึ่งเดียว

ก่อตั้งในปี 1999 โดย Jack Ma ปัจจุบัน Alibaba ดำเนินธุรกิจ Taobao, Tmall และ Alipay ให้บริการผู้ใช้นับร้อยล้านราย พร้อมทั้งเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์และบริการคลาวด์ที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตและขยายตัวทั่วทั้งเอเชีย

มีสำนักงานใหญ่ในหางโจว Alibaba จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งนิวยอร์กและฮ่องกง และมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชีย

ข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์: ระบบนิเวศของแพลตฟอร์ม Alibaba ช่วยให้สามารถควบคุมเส้นทางการค้าดิจิทัลได้ครบวงจร โมเดลแบบบูรณาการ ตั้งแต่การค้นหา การชำระเงิน ไปจนถึงโลจิสติกส์ ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินงานสูง และเข้าใจผู้บริโภคอย่างลึกซึ้งเหนือใคร

10. Hermès International (EPA: RMS; OTC: HESAY)(แอร์แม็ส) 

Hermès คือต้นแบบของความหรูหรา เป็นที่รู้จักจากงานฝีมือระดับสูง เช่น กระเป๋า Birkin ซึ่งมีรายชื่อรอซื้อยาวเป็นปี ทุกชิ้นผลิตขึ้นอย่างประณีตเพื่อคุณภาพและความพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นผ้าพันคอไหมหรืออุปกรณ์ขี่ม้า

ก่อตั้งขึ้นในปี 1837 Hermès ยังคงรักษารากฐานของธุรกิจครอบครัวอย่างมั่นคง โดยจำกัดปริมาณการผลิตและแทบไม่ลดราคาเลย ทำให้ความต้องการยังคงสูง และภาพลักษณ์ของแบรนด์ยังคงน่าหลงใหล การควบคุมภาพลักษณ์และการจัดจำหน่ายอย่างรอบคอบนี้ทำให้แบรนด์แตกต่างจากโลกแฟชั่นทั่วไป

มีสำนักงานใหญ่ในกรุงปารีส โดยมี Axel Dumas เป็นผู้นำ Hermès ผสมผสานความดั้งเดิมเข้ากับการมีหน้าร้านทั่วโลกอย่างแข็งแกร่ง

ข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์: Hermès สร้างความต้องการอย่างต่อเนื่องและพลังในการกำหนดราคา ด้วยการออกแบบที่เหนือกาลเวลาและความหายาก การควบคุมการผลิตและช่องทางจัดจำหน่ายอย่างเข้มงวดช่วยรักษาความหรูหราและความต้องการในระยะยาว แม้ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว Hermès ก็ยังคงมีความต้องการสูงเกินอุปทาน ความสามารถในการขายสินค้าระดับไฮเอนด์ได้อย่างมั่นคงสะท้อนถึงความภักดีต่อแบรนด์และอำนาจในการตั้งราคาอันเหนือชั้น

ประเด็นสำคัญ

คุณควรนำความรู้เบื้องต้นเรื่องสิบอันดับบริษัทนอกสหรัฐที่ใหญ่ที่สุดตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดข้างต้น ไปใช้เป็นหนทางการค้นคว้าในอนาคตเพื่อตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณจำเป็นต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เกี่ยวกับภูมิทัศน์ทางการเงินทั่วโลกก่อนที่จะทำการตัดสินใจทางการเงินใดๆ และเราหวังว่าข้อมูลที่นำเสนอข้างต้นจะลึกซึ้งเพียงพอที่จะให้ความเข้าใจในเรื่องผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นและความเสี่ยงของบริษัทนอกสหรัฐอเมริกาบางแห่ง

ข้อมูลนี้สามารถช่วยในการซื้อขายของคุณได้เป็นอย่างดี โดยการเรียนรู้เกี่ยวกับบริษัทระดับโลก คุณสามารถทำการซื้อขายได้ และการเข้าใจว่าหุ้นของพวกเขามีการเคลื่อนไหวอย่างไร คุณสามารถทำการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพบนแพลตฟอร์มอย่าง MetaTrader 4 (MT4) ซึ่ง MT4 เป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ใช้งานง่ายและได้รับความนิยมจากผู้ซื้อขายทั่วโลก ทั้งมือใหม่และมืออาชีพ คุณสามารถติดตามหุ้นของบริษัทเหล่านี้บน MT4 และทำการซื้อขายเมื่อเห็นโอกาส หากคุณชอบโพสต์นี้ คุณอาจต้องการดูบทความอื่น ๆ ของเรา:

• 10 อันดับบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
• สิบอันดับบริษัทใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักรตามมูลค่าตลาด
• สิบอันดับบริษัทยักษ์ใหญ่ของแอฟริกาตามมูลค่าตลาด
• 10 อันดับบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงที่สุดในอินเดีย
• ยักษ์ใหญ่แห่งตะวันออก: 10 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดซึ่งกำลังกำหนดอนาคตของเอเชีย
• 10 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในจีนปี
• 10 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในละตินอเมริกา

นอกจากนี้ เราขอแนะนำให้คุณค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกได้จาก การรับมือกับเศรษฐกิจโลก: คู่มือสำหรับเทรดเดอร์ สู่เศรษฐกิจชั้นนำตามตัวเลข GDP ประจำปี 2024