อัปเดตเมื่อกรกฎาคม 2025 โดย Sharon Lewis
เราสามารถพูดได้ว่ากลยุทธ์การเทรดนั้นมีมากมายพอๆกับเทรดเดอร์ เทรดเดอร์แต่ละคนนั้นต่างก็มีแนวทางและคุณสมบัติที่เฉพาะตัวของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ก็มีบางกลยุทธ์การเทรดที่ได้รับความนิยมมานานหลายทศวรรษ เป็นวิธีการที่ผ่านการทดลองและทดสอบอย่างเป็นขั้นตอนที่ยังคงใช้โดยเทรดเดอร์ทั่วโลก มาพบการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเทรดที่แตกต่างตามเฉพาะบุคคลและค้นหากลยุทธ์การเทรดที่ดีที่สุดสําหรับคุณ
ในคู่มือนี้เราจะมาดู:
กลยุทธ์การเทรดเป็นระบบที่ใช้โดยเทรดเดอร์เพื่อช่วยในการตัดสินใจอย่างรอบคอบในตลาดการเงิน พวกเขาปฎิบัติอย่างเป็นขั้นตอนทีละขั้น เพื่อช่วยให้พวกเขาเหล่าเทรดเดอร์สามารถจับโอกาสท่ามกลางความผันผวนในตลาดและจัดการความเสี่ยงของพวกเขา
กลยุทธ์การเทรดอาจเป็นระยะสั้นหรือระยะยาวขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของการเทรด
ด้วยกลยุทธ์การเทรด เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจเมื่อซื้อและขาย ดูปริมาณการซื้อ-ขายในขณะนั้น และเรียนรู้วิธีการป้องกันเงินทุนตัวเองจากการสูญเสียขนาดใหญ่
คือการซื้อ-ขายในตำแหน่งที่สอดคล้องกับแนวโน้มหลัก ในระยะเวลาสั้นถึงระยะกลาง โดยปกติจะถูกกําหนดในกรอบเวลาของกราฟประจําวัน
แม้ว่าจะมีวิธีการและแนวทางที่หลากหลาย แต่หลักการสำคัญคือการถือ Position เป็นระยะเวลาหลักหลายวันหรือหลายสัปดาห์ กลยุทธ์นี้ใช้ประโยชน์จากความเคลื่อนไหวและแนวโน้มของสินทรัพย์หลักในตลาด
อดีของการซื้อ-ขาย แบบ Position Trading
ข้อเสียของการซื้อ-ขาย แบบ Position Trading
ความเหมาะสมของตลาด: เหมาะสำหรับหุ้น คู่สกุลเงินฟอเร็กซ์ และสกุลเงินดิจิทัล
ระยะเวลาที่ต้องใช้: ประมาณ 1 ชั่วโมงต่อวันในการวิเคราะห์และจัดการสถานะการลงทุน
ระดับทักษะที่แนะนำ: ระดับเริ่มต้นถึงระดับกลาง
การซื้อ-ขายแบบ Swing Trade นั้นเหมือนกับการซื้อ-ขายแบบ Position trading แต่เทรดเดอร์จะมองหาการเคลื่อนที่ของราคาในทั้งสองทิศทาง ภายในแนวโน้มหลัก การเทรดแบบ Swing trading มักจะทําในระยะสั้น แทนที่จะเป็นระยะกลางหรือระยะยาว
โดยปกติทั่วไปนักเทรดแบบ Swing trading จะมองภาพรวมและถือออเดอร์ในตลาดเป็นระยะเวลาสองสามวัน หรือเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ เทรดเดอร์แบบ Swing trading มักใช้กลยุทธ์การซื้อขาย ด้วยแนวโน้มหลัก , การเทรดแบบ counter-trend , Momentum , หรือ Breakout
ข้อดีของการเทรดแบบ Swing trading:
ข้อเสียของการเทรดแบบ Swing trading:
ความเหมาะสมของตลาด: เหมาะสำหรับหุ้น คู่สกุลเงินฟอเร็กซ์ และสกุลเงินดิจิทัล
ระยะเวลาที่ต้องใช้: ประมาณ 1 ชั่วโมงต่อวันในการวิเคราะห์และจัดการสถานะการลงทุน
ระดับทักษะที่แนะนำ: ระดับเริ่มต้นถึงระดับกลาง
การเทรดภายในวัน คือการเปิดและปิด Position การซื้อ-ขายในวันเดียวกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ซื้อขายวันจะทําการซื้อ-ขายเพียงครั้งเดียวต่อวัน
หัวใจหลักของการเทรดแบบรายวัน คือความเรียบง่ายโดยที่พวกเขาต้องปิดตําแหน่งการซื้อ-ขายทั้งหมดก่อนที่จะจบวันทําการซื้อขาย เทรดเดอร์รายวันมักใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นเครื่องมือสําคัญโดยใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเช่น RSI (Relative Strength Index), MACD (Moving Average Convergence Divergence) และ Stochastic Oscillator เพื่อช่วยระบุสภาพตลาดและช่วยในการตัดสินใจการซื้อขาย
ข้อดีของการเทรดแบบรายวัน:
ข้อเสียของการเทรดแบบรายวัน:
ความเหมาะสมของตลาด: เหมาะที่สุดสำหรับฟอเร็กซ์ หุ้นหลัก ๆ และฟิวเจอร์สดัชนีที่มีความผันผวนภายในวันสูง
ระยะเวลาในการเทรด: โดยปกติใช้เวลา 4–8 ชั่วโมงต่อวันในช่วงเวลาตลาดเปิด
ระดับทักษะที่แนะนำ: ระดับกลางถึงขั้นสูง
การเทรดด้วย Price action นั้นเรียบง่ายซึ่งเป็นการซื้อ-ขาย ผ่านการเคลื่อนไหวของราคา การเปลี่ยนแปลงของราคาในกรอบเวลาที่ต่างกัน เทรดเดอร์ Price Action ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงราคาเหล่านี้สร้างแนวโน้มราคาหรือรูปแบบราคาอย่างไร จากนั้นจึงเทรดตาม Price Action
ขั้นแรก จำเป็นต้องตัดสินใจเกี่ยวกับกรอบเวลาที่คุณต้องการซื้อ-ขาย จากนั้นจึงระบุกลยุทธ์การซื้อขายแบบ Price Action คุณจะใช้ เทรดเดอร์ Price Action มองหาการเคลื่อนไหวของราคาที่โดดเด่นในกรอบเวลาของตน รับรู้แนวโน้มหรือรูปแบบที่โดดเด่น จากนั้นเข้าสู่การซื้อขายในทิศทางของสัญญาณการเคลื่อนไหวของราคา
ข้อดีของการเทรดด้วย Price action:
ข้อเสียของการเทรดด้วย Price action:
ความเหมาะสมของตลาด: เหมาะกับฟอเร็กซ์ หุ้น คริปโต และสินค้าโภคภัณฑ์
ระยะเวลาที่ต้องใช้: โดยปกติประมาณ 1–2 ชั่วโมงต่อวันในการวิเคราะห์กราฟและวางแผนการเทรด
ระดับทักษะที่แนะนำ: ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นถึงขั้นสูง ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของรูปแบบกราฟ
Algorithmic Trading หรือการซื้อ-ขายด้วย Algo เป็นกลยุทธ์ที่กําหนดชุดคําสั่งและป้อนเข้าไปในคอมพิวเตอร์ เป็นกระบวนการอัตโนมัติที่ใช้ข้อมูลเช่นราคาเวลาและปริมาณการซื้อขายรวมถึงสูตรที่ซับซ้อนและโมเดลทางคณิตศาสตร์
การซื้อขายอัลกอริทึมใช้กลยุทธ์ตามกฎซึ่งการกําหนดกฎเป็นส่วนสําคัญ วัตถุประสงค์คือการผลิตสัญญาณที่จะซื้อหรือขายเมื่อไหร่และในราคาใดที่จะเข้าไปเทรด และทํากําไรเมื่อไหร่หรือวางจุด Stop-loss เมื่อใด
ซึ่งกฎเหล่านี้จะถูกปรับปรุงโดยเทรดเดอร์
ข้อดีของการเทรดด้วย Algo:
ข้อเสียของการเทรดด้วย Algo:
ความเหมาะสมของตลาด: เหมาะที่สุดสำหรับการเทรดฟอเร็กซ์ หุ้น และคริปโตเคอร์เรนซีขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง
ระยะเวลาที่ต้องใช้: ใช้เวลาสูงในช่วงเริ่มต้นและการทดสอบ แต่หลังจากนั้นต้องใช้เวลาติดตามเพียงเล็กน้อยในแต่ละวัน
ระดับทักษะที่แนะนำ: สำหรับผู้มีทักษะขั้นสูงเท่านั้น
การซื้อ-ขายตามข่าวอาศัยเหตุการณ์พื้นฐานที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน ซึ่งอาจเป็นกิจกรรมขององค์กร เช่น รายงานของรายได้ หรือเหตุการณ์พื้นฐานทางเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาด
เทรดเดอร์สายข่าวจะมองหาเพื่อระบุเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่หรือกิจกรรมขององค์กรที่กำหนดไว้ เช่น ข้อมูลเศรษฐกิจหรือการเปิดเผยรายได้
จากนั้นพวกเขาจะวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์เหล่านี้ ผลที่ตามมาจากการซื้อ-ขายที่อาจเกิดขึ้น จากนั้นกำหนดกลยุทธ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ เทรดเดอร์สายข่าวยังพยายามใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาด เช่นจากข่าวด่วน
จุดมุ่งหมายคือการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคา , ก่อน , ระหว่าง หรือหลังเหตุการณ์ข่าว
ข้อดีของการเทรดข่าว:
ข้อเสียของการเทรดข่าว:
ความเหมาะสมของตลาด: เหมาะที่สุดสำหรับการเทรดฟอเร็กซ์ หุ้น และดัชนี ในช่วงที่มีการประกาศผลประกอบการหรือข้อมูลเศรษฐกิจ
ระยะเวลาที่ต้องใช้: ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ข่าวสาร ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า และติดตามสถานการณ์ทั้งในระหว่างและหลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น
ระดับทักษะที่แนะนำ: ระดับกลางถึงขั้นสูง
การเทรดด้วย Trend คือกลยุทธ์ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อคว้าโอกาสของตลาดโดยการระบุและปฏิบัติตามทิศทางของตลาด เทรดเดอร์พยายามที่จะเข้าซื้อ-ขายในทิศทางของ Trend และถือไว้จนกว่า Trend จะแสดงสัญญาณการกลับตัว
วิธีการนี้อาศัยหลักการที่ว่าตลาดมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวใน Trend ที่ระบุได้ มากกว่ารูปแบบแบบสุ่ม นักเทรดด้วย Trend ใช้เครื่องมือและตัวบ่งชี้ต่างๆ เพื่อยืนยันทิศทางและความแข็งแกร่งของเทรนด์ เช่น เส้น MA , Trend Line, Average Directional Index (ADX)
นักเทรดตามเทรนด์มุ่งเน้นไปที่จุดสูงและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นในแนวโน้มขาขึ้น และจุดสูงสุดที่ลดลงและจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่าในแนวโน้มขาลง ในขณะที่จุดเข้าออเดอร์มักจะเป็น pullbacks หรือ Breakouts
ข้อดีของการเทรดด้วย Trend Line:
ข้อเสียของการเทรดด้วย Trend Line:
ความเหมาะสมของตลาด: เหมาะสำหรับหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และคู่สกุลเงินฟอเร็กซ์ที่มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวอย่างต่อเนื่อง
ระยะเวลาที่ต้องใช้: ประมาณ 2–4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในการติดตามสถานะการเทรด
ระดับทักษะที่แนะนำ: ระดับเริ่มต้นถึงระดับกลาง
การเทรดด้วยวิธี Range Trading เป็นกลยุทธ์ที่เทรดเดอร์ระบุการซื้อขายหลักทรัพย์ระหว่างสองราคา ซึ่งเรียกว่าระดับแนวรับและแนวต้าน กลยุทธ์เกี่ยวข้องกับการซื้อที่ระดับแนวรับ (ล่างสุดของช่วง) และการขายที่ระดับแนวต้าน (บนสุดของช่วง)
วิธีนี้จะอนุมานได้ว่าราคาจะยังคงต่อเนื่องในระหว่างระดับที่กำหนดไว้จนกว่าจะเกิดการทะลุกรอบ เทรดเดอร์แบบ Range Trading จะมุ่งเน้นไปที่ตลาดที่ไม่มีแนวโน้มระยะยาวที่ชัดเจนและเคลื่อนไหวภายในขอบเขต
เครื่องมือสำคัญ ได้แก่ oscillators เช่น RSI และ Stochastic ซึ่งช่วยระบุสภาวะการซื้อเกินและการขายเกินภายในช่วง เทรดเดอร์ตามระยะยังจับตาดูการเปลี่ยนแปลงของปริมาณและสัญญาณอื่น ๆ ของ Breakouts ที่อาจเกิดขึ้น
ข้อดีของการเทรด Range Trading:
ข้อเสียของการเทรด Range Trading:
ความเหมาะสมของตลาด: เหมาะสำหรับฟอเร็กซ์และหุ้นที่อยู่ในสภาวะตลาดแกว่งตัวในกรอบ (Sideways)
ระยะเวลาที่ต้องใช้: ประมาณ 1 ชั่วโมงต่อวันในการติดตามแนวรับแนวต้านและช่วงราคา
ระดับทักษะที่แนะนำ: ระดับเริ่มต้นถึงระดับกลาง
กลยุทธ์การเทรดที่มีประสิทธิภาพจะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญหลายประการ ซึ่งแต่ละส่วนถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณเทรดอย่างมีวินัยและสม่ำเสมอ:
การสร้างกลยุทธ์การเทรดตั้งแต่ต้นต้องการการวางแผนอย่างรอบคอบและความอดทน ทำตาม 7 ขั้นตอนนี้เพื่อพัฒนากลยุทธ์ที่เป็นไปได้จริงและยั่งยืน:
| กลยุทธ์ | ข้อดี | ข้อเสีย |
|---|---|---|
| การเทรดสวิง (Swing Trading) | - จับการเคลื่อนไหวของราคาระยะกลาง - ใช้เวลาหน้าจอน้อยกว่า |
- ต้องใช้ความอดทน - เสี่ยงจากการถือข้ามคืน |
| การเทรดระยะยาว (Position Trading) | - เน้นระยะยาว - เทรดไม่บ่อย - ความเครียดน้อย |
- ต้องมีความรู้ตลาดในระดับสูง - เงินทุนถูกผูกไว้นาน |
| การเทรดรายวัน (Day Trading) | - ไม่มีความเสี่ยงจากการถือข้ามคืน - มีโอกาสทำกำไรสูงจากความผันผวน |
- ใช้เวลามาก - กดดันทางอารมณ์และจิตใจสูง |
| การเทรดตามพฤติกรรมราคา (Price Action Trading) | - กราฟสะอาด ไม่ใช้อินดิเคเตอร์ - ใช้ได้กับทุกตลาด |
- ต้องเข้าใจพฤติกรรมราคาลึกซึ้ง - การเข้าออเดอร์มีความ主観 (ขึ้นกับมุมมอง) |
| การเทรดอัลกอริธึม (Algorithmic Trading) | - ดำเนินการอัตโนมัติและรวดเร็ว - ไม่มีอารมณ์ในการเทรด |
- ต้องมีทักษะการเขียนโค้ด - ต้นทุนในการตั้งค่าและทดสอบย้อนหลังสูง |
| การเทรดข่าว (News Trading) | - ใช้ประโยชน์จากความผันผวนที่เพิ่มขึ้น - สามารถทำกำไรได้รวดเร็ว |
- ความเสี่ยงสูงจาก Slippage - ต้องใช้เครื่องมือที่ดำเนินการได้เร็ว |
| สเกลปิ้ง (Scalping) | - ชนะเล็ก ๆ บ่อยครั้ง - ความเสี่ยงต่อออเดอร์แต่ละครั้งต่ำ |
- เข้มข้นและใช้เวลามาก - ต้นทุนสูงจากสเปรด |
| การตามแนวโน้ม (Trend Following) | - จับการเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ของตลาด - มักมีกฎง่าย ๆ |
- ใช้ไม่ได้ในตลาดที่ไม่มีแนวโน้ม - เข้าออกออเดอร์ช้า |
มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณาในการตัดสินใจเลือกกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมกับคุณที่สุด โดยมีรายการดังนี้:
สภาพจิตใจและลักษณะนิสัยของคุณ: นอกจากสังเกตสิ่งที่คุณทำจะเป็นประโยชน์แล้ว การสังเกตสิ่งที่คุณไม่ทำก่อนการเทรดก็สำคัญพอๆ กัน ทั้งในด้านจิตใจและลักษณะส่วนบุคคล ยกตัวอย่างเช่น หากคุณไม่มีทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์ การเทรดตามชุดคำสั่งก็ไม่เหมาะกับคุณ ถ้าคุณมีทักษะการวิเคราะห์สูงการเทรดตามข่าวสารอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคุณ หากคุณสามารถดูกราฟและตัดสินใจได้อย่างสบายๆ คุณอาจจะเหมาะกับการเทรดแบบสวิง ถือตำแหน่ง หรือแม้แต่การเทรดแบบรายวัน
เป้าหมายการเทรดของคุณคืออะไร ลองถามตัวเองดู คุณตั้งใจจะเทรดเต็มเวลาและให้การเทรดเป็นรายได้หลักเลยหรือเปล่า ถ้าคำตอบคือใช่ คุณอาจต้องลองศึกษาการเทรดระยะสั้นเช่นการเทรดแบบรายวัน แต่ถ้าคุณมองหารายได้เสริม การเทรดแบบสวิงหรือถือตำแหน่งอาจเหมาะกับคุณมากกว่า
คุณมีเวลาเทรดมากแค่ไหน ถ้าคุณไม่สามารถติดตามตลาดหุ้นได้อย่างใกล้ชิดตลอดทั้งวัน คุณก็ไม่สามารถใช้การเทรดแบบรายวันได้ ถ้าคุณมีเวลาวิเคราะห์ตลาดและซื้อหุ้นอย่างจำกัดในแต่ละวัน การเทรดแบบถือตำแหน่งหรือสวิงอาจเหมาะกับคุณมากกว่า
อะไรที่คุณ “รู้สึก” ว่าใช่ ลองใช้กลยุทธ์การเทรดแบบต่างๆ ด้วยบัญชีจำลองเพื่อหาว่าวิธีการแบบไหนเหมาะกับคุณและกลยุทธ์แบบไหนที่ได้กำไร
หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเริ่มใช้กลยุทธ์การซื้อ-ขายต่าง ๆ เหล่านี้ได้อย่างไร หรือต้องการทดสอบระบบเทรดใหม่ๆ คุณสามารถทําได้ในบัญชีทดลองโดยไม่มีความเสี่ยงกับเงินทุนของคุณ
บัญชีทดลองเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการทดลองกลยุทธ์ใหม่ในสภาพตลาดจริงและดูว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไรโดยไม่ต้องเสี่ยงเงินทุนจริง คุณยังสามารถฝึกในบัญชีทดลอง จนกว่าคุณจะได้รับความมั่นใจในความสามารถในการซื้อ-ขายทุนของคุณในสภาพตลาดจริง
ด้วย Hantec Markets คุณสามารถลงชื่อสมัครใช้บัญชีทดลองและเข้าถึง MetaTrader4® และ Metatrader 5® เพื่อให้ได้ประสบการณ์การซื้อขายที่สมบูรณ์แบบพร้อมกับเครื่องมือที่เหมาะสมต้องการที่จะไปซื้อ-ขายโดยตรง? เปิดบัญชี Hantec Markets ในไม่กี่นาทีและเริ่มเทรด!
คุณยังสามารถอ่านเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดของเทรดเดอร์ทั่วไปและวิธีการสร้างแผนการเทรดที่ประสบความสําเร็จ
ถาม: ความแตกต่างหลักระหว่างสวิงเทรด (Swing Trading) กับเดย์เทรด (Day Trading) คืออะไร?
ตอบ: สวิงเทรดจะถือสถานะการลงทุนเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ขณะที่เดย์เทรดจะเปิดและปิดสถานะภายในวันเดียวกัน สวิงเทรดต้องใช้เวลาติดตามประมาณ 1 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนเดย์เทรดอาจต้องใช้เวลาจดจ่อกับตลาดตลอดทั้งวัน
ถาม: เทรดเดอร์จะใช้กลยุทธ์ราคาหุ้น (Price Action) อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ?
ตอบ: โดยการชำนาญในแนวรับ/แนวต้าน รูปแบบแท่งเทียน และแนวโน้มกราฟ ราคาหุ้นจะทำงานได้ดีที่สุดกับกราฟที่สะอาด มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน และการบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง
ถาม: การเทรดแบบอัลกอริธึมเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือเฉพาะเทรดเดอร์ขั้นสูง?
ตอบ: การเทรดแบบอัลกอริธึมมักเหมาะกับเทรดเดอร์ขั้นสูงเท่านั้น เนื่องจากต้องมีการเขียนโปรแกรม ทดสอบ และติดตามผล ผู้เริ่มต้นควรฝึกเทรดด้วยตนเองก่อน
ถาม: ปัจจัยใดบ้างที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกกลยุทธ์การเทรด?
ตอบ: ควรพิจารณาเรื่องเวลาที่คุณจะทุ่มเท ตลาดที่ชอบ ระดับความเสี่ยงที่รับได้ ทักษะ เงินทุน และความสามารถในการรักษาวินัยเมื่ออยู่ภายใต้ความกดดัน
Top 5 Blogs