อารมณ์ที่เป็นเหมือนเลเวอเรจ – ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ในการเทรด

📅 07.01.2025 👤 Aaron Akwu

สารบัญ

บทนำ: ความเสี่ยงที่นักเทรดมักมองข้าม 

นักเทรดส่วนใหญ่มักใช้เวลาหลายชั่วโมงในการศึกษาชาร์ต อินดิเคเตอร์ และกลยุทธ์การเทรดต่าง ๆ แต่ความเสี่ยงที่แท้จริงต่อพอร์ตของคุณอาจไม่ใช่แค่การเทรดที่ผิดพลาด — แต่อยู่ที่ตัวคุณเอง โดยเฉพาะ “อารมณ์” ของคุณนั่นเอง Emotional Leverage หรือ “เลเวอเรจทางอารมณ์” คือพลังที่มองไม่เห็นซึ่งสามารถทำให้แม้แต่การตั้งค่าที่ดีที่สุดก็ล้มเหลวได้ เมื่อความกลัว ความโลภ หรืออีโก้เข้าครอบงำ 

ในโพสต์นี้ เราจะพาคุณไปสำรวจวิธีการเทรดโดยไม่ให้อารมณ์ทำลายความก้าวหน้าของคุณ พร้อมทั้งแชร์วิธีการ 3 ขั้นตอนที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยปกป้องพอร์ตของคุณจากการตัดสินใจที่เกิดจากอารมณ์ 

อารมณ์กดดันในการเทรด คืออะไร? 

ในการเทรด เรามักพูดถึง financial leverage (เลเวอเรจทางการเงิน) ซึ่งหมายถึงความสามารถในการควบคุมตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นโดยใช้เงินลงทุนเพียงเล็กน้อย แต่ emotional leverage ก็มีจริงเช่นกัน และอันตรายกว่ามาก 

Emotional leverage คือ แรงกดดันทางจิตใจที่สะสมขึ้นระหว่างการเทรด เกิดขึ้นเมื่อคุณผูกติดคุณค่าของตัวเองกับผลกำไรหรือขาดทุนของคุณ ทุกจังหวะที่ราคาต่ำกว่าที่คาดไว้กลายเป็นเรื่องส่วนตัว ทุกแท่งแดง (ราคาลดลง) กลายเป็นภัยคุกคาม ไม่ใช่แค่ต่อพอร์ตการลงทุน แต่ต่อภาพลักษณ์ตัวคุณในฐานะเทรดเดอร์ 

และส่วนที่แย่ที่สุด? เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังประสบกับสิ่งนี้อยู่ 

อารมณ์ที่เป็นเลเวอเรจ – ตัวเร่งความผิดพลาดในการเทรด 

เช่นเดียวกับเลเวอเรจทางการเงินที่ขยายทั้งกำไรและขาดทุน เลเวอเรจทางอารมณ์ก็ขยายความผิดพลาดของคุณให้รุนแรงขึ้นเช่นกัน 

  •  เพียงการขาดทุนเล็กน้อย ก็อาจกลายเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการ “เทรดล้างแค้น” 
  • การพลาดโอกาสเข้าออเดอร์ กลับทำให้คุณเทรดเกินพอดีเพราะความกลัวว่าจะพลาดอีก (FOMO) 
  • ออเดอร์ที่กำลังขาดทุน กลับกลายเป็น “การลงทุนระยะยาว” เพราะอีโก้ไม่ยอมรับความผิดพลาด 

หากไม่มีระบบในการจัดการกับเลเวอเรจทางอารมณ์ นักเทรดจะติดอยู่ในวงจรพฤติกรรมที่ทำลายทั้งเงินทุนและความมั่นใจของตัวเองอย่างช้า ๆ

กับดักทางอารมณ์ 3 อันดับแรกที่เทรดเดอร์มักตกลงไป 

การเข้าใจว่า emotional leverage เกิดขึ้นที่จุดไหน คือก้าวแรกในการจัดการกับมัน ต่อไปนี้คือ 3 กับดักทางอารมณ์ที่พบได้บ่อยที่สุดในการเทรด: 

FOMO Trades (เทรดเพราะกลัวพลาดโอกาส) 

FOMO หรือFear of Missing Out คือความกลัวที่จะพลาดโอกาส คุณเห็นราคากำลังพุ่งขึ้น และรีบกระโดดเข้าไปโดยไม่คิดให้รอบคอบ มักเข้าช้าเกินไป และจบลงด้วยจุดเข้าที่แย่ ความเสี่ยงสูง กำไรต่ำ และสุดท้ายคือขาดทุนแบบเจ็บปวด 

ทางแก้: กำหนดรูปแบบการเทรดของคุณล่วงหน้าอย่างชัดเจน ถ้ามันไม่อยู่ในแผน ก็อย่าเทรด 

Revenge Trading (เทรดล้างแค้นตลาด) 

หลังจากขาดทุน โดยเฉพาะขาดทุนที่รู้สึกว่าไม่ยุติธรรม คุณอาจรู้สึกอยาก "เอาคืน" แต่มุมมองแบบนี้จะนำไปสู่การตัดสินใจที่รีบร้อน การใช้ล็อตเกินตัว และในที่สุดก็จะขาดทุนหนักยิ่งกว่าเดิม 

ทางแก้: พักก่อนทุกครั้งที่ขาดทุนเยอะ ทบทวนว่าพลาดตรงไหนก่อนค่อยกลับมาเทรดใหม่ 

Ego-Driven Holds (ถือเพราะอีโก้ ไม่ใช่แผน) 

คุณเข้าเทรดไปแล้ว แต่ราคากลับสวนทาง แทนที่จะตัดขาดทุนตามแผน คุณกลับถือไว้ เพราะคุณ ต้อง ถูก นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ แต่มันคือ "อัตตา" 

ทางแก้: ปล่อยให้กฎการเทรดของคุณเป็นคนตัดสิน ไม่ใช่ความรู้สึกหรือความยึดมั่นถือมั่นของตัวเอง 

วิธีแก้การเทรดด้วยอารมณ์ใน 3 ขั้นตอน 

ต่อไปนี้คือวิธีง่าย ๆ แต่ทรงพลังที่จะช่วยให้คุณกลับมาควบคุมอารมณ์ในการเทรดได้อีกครั้ง: 

ขั้นตอนที่ 1: สร้างแผนการเทรดที่ชัดเจน 

กำหนด จุดเข้า จุดออก ระดับความเสี่ยง และขนาดการเปิดออเดอร์ ล่วงหน้าให้ชัด สิ่งนี้จะช่วยลดโอกาสในการตัดสินใจตามอารมณ์ในขณะเทรด 

ขั้นตอนที่ 2: เขียนบันทึกการเทรดเพื่อเพิ่มการรู้เท่าทันตัวเอง 

หลังจากเทรดแต่ละครั้ง ให้จดบันทึกว่า คุณรู้สึกอย่างไรก่อน ระหว่าง และหลังการเทรด เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะเริ่มเห็นรูปแบบของอารมณ์และพฤติกรรมที่ซ้ำ ๆ การตระหนักรู้ตัวเอง คือรากฐานของการควบคุมอารมณ์ 

ขั้นตอนที่ 3: กำหนดขีดจำกัดการเทรดรายวัน 

ตั้งกฎให้ตัวเอง เช่น จำกัดจำนวนเทรดสูงสุดต่อวัน หรือกำหนดยอดขาดทุนสูงสุดต่อวัน ถ้าถึงจุดนั้น ให้หยุดทันที การเว้นวรรคจะช่วยป้องกันความผิดพลาดต่อเนื่องจากอารมณ์ที่พุ่งสูง 

สรุป: วิธีทวงคืนการควบคุมจากอารมณ์ 

Emotional Leverage คือ “ฆาตกรเงียบ” ของนักเทรด คุณอาจมีกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในโลก แต่ถ้าการตัดสินใจของคุณถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ พอร์ตของคุณก็ยังเสี่ยงอยู่ดี 

การเทรดอย่างมีวินัยเริ่มจากการตระหนักถึงกับดักทางอารมณ์ เช่น FOMO (กลัวพลาดโอกาส) Revenge Trading (เทรดเพราะอยากเอาคืน) Ego (ถือเพราะยึดติดว่าตัวเองต้องถูก) เมื่อคุณจัดการสิ่งเหล่านี้ด้วย กระบวนการ 3 ขั้นตอน ที่ได้กล่าวไปแล้ว (วางแผน, เขียนบันทึก, กำหนดขีดจำกัดรายวัน) คุณไม่ได้แค่สร้างกำไร — แต่คุณกำลังสร้างวินัย 

การเทรดแบบมืออาชีพ เริ่มต้นที่การรู้จักควบคุมตัวเอง เมื่อคุณควบคุมอารมณ์ได้ คุณก็เริ่มควบคุมผลลัพธ์ในตลาดได้เช่นกัน 

ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหาของบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ใช่คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะในการซื้อขายในทุกรูปแบบ