บทนำสู่การซื้อขายทองคำ

📅 10.07.2024 👤 Steve Miley

อัปเดตเมื่อเดือนตุลาคม 2024 โดย Aaron Akwu หัวหน้าฝ่ายการศึกษาที่ Hantec Market

สารบัญ:

บทนำสู่การซื้อขายทองคำ

ทองคำได้รับการเคารพนับถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและอำนาจมาเป็นเวลาหลายพันปี ตั้งแต่ยุคอารยธรรมโบราณที่ใช้ทองคำเป็นสกุลเงินจนถึงพ่อค้าสมัยใหม่ที่พึ่งพาความเสถียรของมัน ทองคำยังคงรักษาตำแหน่งที่โดดเด่นในเศรษฐกิจโลก ทองคำมอบความรู้สึกปลอดภัยในฐานะที่เก็บความมั่งคั่ง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน วันนี้ ทองคำยังคงเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับนักเทรดที่มองหาความมั่นคงหรือต้องการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ

จินตนาการว่าคุณเป็นเจ้าของสมบัติที่ผ่านการทดสอบของกาลเวลา ปกป้องโชคลาภ และทำหน้าที่เป็นตาข่ายนิรภัยในช่วงพายุทางการเงิน นั่นคือสิ่งที่ทองคำสามารถทำได้สำหรับพอร์ตการลงทุนของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายทองคำล่วงหน้า, กองทุน ETF, หรือทองคำจริง การเรียนรู้วิธีการซื้อขายทองคำสามารถเป็นวิธีที่มีกลยุทธ์ในการกระจายพอร์ตการลงทุนของคุณและสร้างความมั่งคั่งได้

ทำไมต้องเทรดทองคำ?

ทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

ทองมักถูกเรียกว่าเป็นสินทรัพย์ "ที่หลบภัย" เพราะมันทำงานได้ดีในช่วงที่เศรษฐกิจไม่มั่นคง เมื่อมีความผันผวนในตลาดหรือเศรษฐกิจเผชิญกับการถดถอย นักลงทุนมักจะ flock ไปที่ทองคำเพื่อปกป้องทรัพย์สินของพวกเขา มันทำหน้าที่เหมือนเสื้อชูชีพทางการเงิน รักษาการลงทุนให้ลอยอยู่ได้เมื่อ ตลาดกำลังจม ตัวอย่างเช่น ในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นเมื่อผู้ลงทุนแสวงหาความปลอดภัยในโลหะมีค่าในขณะที่ตลาดหุ้นกำลังล่มสลาย

การกระจายพอร์ตการลงทุนด้วยทองคำ

เหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ควรพิจารณาซื้อขายทองคำคือความสามารถในการกระจายพอร์ตการลงทุนของคุณ ทองคำมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากสินทรัพย์ดั้งเดิมเช่นหุ้นและพันธบัตร ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน ทองคำมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับหุ้น ซึ่งช่วยสร้างความสมดุลและลดความเสี่ยงโดยรวม ตัวอย่างที่ดีคือวิกฤตการเงินปี 2008 ซึ่งในขณะที่ราคาหุ้นตกต่ำ ราคาทองคำกลับพุ่งสูงขึ้น โดยการเพิ่มทองคำลงในพอร์ตการลงทุนของคุณ คุณสามารถป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์อื่นๆ ได้

การซื้อขายทองคำทำงานอย่างไร

การเข้าใจราคาทองคำแบบสปอตและฟิวเจอร์ส

การซื้อขายทองคำอาจดูซับซ้อน แต่การเข้าใจพื้นฐานของราคาทองคำแบบสปอตและฟิวเจอร์สเป็นสิ่งสำคัญ ราคาสปอตหมายถึงราคาปัจจุบันที่ทองคำสามารถซื้อหรือขายได้สำหรับการส่งมอบทันที ในทางกลับกัน สัญญาฟิวเจอร์สอนุญาตให้ผู้ค้า ซื้อหรือขายทองคำในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในอนาคต วิธีการเก็งกำไรนี้ช่วยให้นักเทรดสามารถทำกำไรจากความผันผวนของราคาโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของทองคำจริง ไม่ว่าคุณจะชอบความทันทีของราคาสปอตหรือมุมมองระยะยาวของฟิวเจอร์ส ทั้งสองแบบต่างก็มีโอกาสที่ไม่เหมือนใครสำหรับนักเทรดในการใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ

การซื้อขายทองคำผ่านสัญญาส่วนต่าง (CFDs)

อีกวิธีหนึ่งในการซื้อขายทองคำคือผ่านสัญญาส่วนต่าง (CFDs) ซึ่งอนุญาตให้ผู้ค้าเก็งกำไรในราคาทองคำโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของทองคำจริง CFDs เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเลเวอเรจ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถควบคุมตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นด้วยเงินทุนที่น้อยกว่า ตัวอย่างเช่น หากคุณเชื่อว่าราคาทองคำจะเพิ่มขึ้น คุณสามารถซื้อ CFD ได้ ถ้าราคาเพิ่มขึ้น คุณสามารถขาย CFD ได้กำไร อย่างไรก็ตาม ตรงกันข้าม—หากราคาลดลง คุณอาจประสบกับการขาดทุน CFD เป็นที่นิยมเนื่องจากความยืดหยุ่นและอุปสรรคในการเข้าต่ำ แต่ก็มีความเสี่ยงเพิ่มเติมเนื่องจากการใช้เลเวอเรจที่เกี่ยวข้อง

ทองคำ ETF กับ ทองคำแท่ง

เมื่อซื้อขายทองคำ คุณสามารถเลือกได้ระหว่างทองคำแท่งและกองทุนทองคำที่ซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETFs). ทองคำแท้หมายถึงสินทรัพย์ที่จับต้องได้ เช่น ทองคำแท่งหรือเหรียญทอง ในขณะที่ ETFs เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ติดตามราคาทองคำ ทองคำแท้เหมือนการมีหีบสมบัติ—คุณมีทรัพย์สินนั้นอยู่ในครอบครองจริงๆ อย่างไรก็ตาม มันมาพร้อมกับความท้าทาย เช่น การเก็บรักษาและความปลอดภัย ในทางกลับกัน กองทุน ETF ทองคำเสนอวิธีการลงทุนในทองคำที่ไม่ยุ่งยาก ช่วยให้นักเทรดสามารถทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาโดยไม่ต้องจัดการกับความยุ่งยากในการเป็นเจ้าของทองคำจริง กองทุน ETF เป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อขายทองคำอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องมีภาระในการเก็บรักษา

กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงในการซื้อขายทองคำ

ตั้งคำสั่งหยุดขาดทุน

การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในตลาดทองคำ และเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพอย่างหนึ่งคือการตั้งคำสั่งหยุดขาดทุน คำสั่งหยุดขาดทุนจะขายตำแหน่งของคุณโดยอัตโนมัติหากราคาขยับไปในทิศทางที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อคุณ ซึ่งจะช่วยจำกัดการขาดทุนของคุณ คิดซะว่าเหมือนการติดตั้งรั้วกันตกบนถนนภูเขา—มันจะป้องกันการลงทุนของคุณไม่ให้ตกลงไปถ้าตลาดเกิดการตกลงอย่างกระทันหัน โดยการกำหนดระดับหยุดขาดทุนที่แม่นยำ คุณสามารถปกป้องพอร์ตการลงทุนของคุณและป้องกันการตัดสินใจที่เกิดจากอารมณ์ในช่วงเวลาที่มีความผันผวน

ใช้เลเวอเรจอย่างเหมาะสม

เลเวอเรจช่วยให้นักเทรดสามารถควบคุมตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นด้วยเงินทุนที่น้อยกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ในขณะที่เลเวอเรจสามารถเพิ่มผลกำไรได้ มันก็สามารถขยายการขาดทุนได้เช่นกันหากการซื้อขายไม่เป็นไปตามที่คุณคาดหวัง ตัวอย่างเช่น การกู้เงินเพื่อซื้อขายทองคำก็เหมือนกับการใช้แว่นขยาย: มันทำให้ทุกอย่างดูใหญ่ขึ้น รวมถึงการขาดทุนของคุณด้วย ผู้ค้า ควรระมัดระวังเมื่อใช้เลเวอเรจและหลีกเลี่ยงการใช้เลเวอเรจมากเกินไป เพราะอาจนำไปสู่การขาดทุนทางการเงินอย่างมากหากตลาดเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม

กระจายพอร์ตการลงทุนของคุณ

การกระจายความเสี่ยงเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการความเสี่ยงในกลยุทธ์การซื้อขายใดๆ รวมถึงการซื้อขายทองคำด้วย โดยการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทต่างๆ คุณสามารถลดผลกระทบจากการตกต่ำในตลาดใดๆ ได้ คิดถึงพอร์ตการลงทุนของคุณเหมือนกับอาหารที่มีความหลากหลาย: ทองคำเป็นเพียงส่วนหนึ่งของมื้ออาหารการลงทุนที่ดีต่อสุขภาพ โดยการรวมหุ้น, พันธบัตร, และสินทรัพย์อื่นๆ คุณสามารถลดความเสี่ยงโดยรวมและปกป้องพอร์ตโฟลิโอของคุณจากการถูกเปิดเผยมากเกินไปต่อความผันผวนของราคาทองคำ

ข้อผิดพลาดทั่วไปสำหรับนักเทรดทองคำมือใหม่

ไล่ตามราคาในช่วงความผันผวน

หนึ่งในข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดที่ผู้เริ่มต้นทำคือการไล่ตามราคาเมื่อทองคำมีความผันผวน ในช่วงที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เทรดเดอร์มือใหม่มักจะรีบเข้ามาซื้อ fearing they might miss out on potential profits. สิ่งนี้เรียกว่า "ความกลัวที่จะพลาด" (FOMO) และอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่ดี ตัวอย่างเช่น ในช่วงที่ราคาทองคำสูงสุดในปี 2020 เทรดเดอร์หลายคนกระโดดเข้ามาในตลาดเพียงเพื่อเห็นราคาตกลงเมื่อตลาดเริ่มมีเสถียรภาพ การไล่ตามราคาที่มีความผันผวนสูงอาจทำให้คุณซื้อในช่วงที่ราคาสูงสุดและสูญเสียเงินเมื่อราคาปรับตัวลงในที่สุด

ไม่ปฏิบัติตามแผนการเทรด

การมีแผนการเทรดที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จในระยะยาวในการเทรดทองคำ ผู้เริ่มต้นหลายคนเข้าซื้อขายโดยไม่มีแผนกลยุทธ์ ทำให้เกิดการตัดสินใจตามอารมณ์และผลลัพธ์ที่ไม่สม่ำเสมอ แผนการเทรดที่ดีควรมีจุดเข้าและออกที่ชัดเจน ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเป้าหมายสำหรับแต่ละการเทรด ก่อนที่จะทำการเคลื่อนไหว ให้ตัดสินใจว่าคุณจะขายทำกำไรที่ราคาไหนและจะตัดขาดทุนที่จุดไหน การยึดมั่นในแผนนี้ช่วยหลีกเลี่ยงการกระทำที่หุนหันพลันแล่นซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุน

การใช้เลเวอเรจเกินกำหนด

การใช้เลเวอเรจมากเกินไปเป็นอีกหนึ่งกับดักที่เทรดเดอร์มือใหม่มักจะตกลงไป เลเวอเรจสามารถเพิ่มผลกำไรได้ แต่ก็สามารถขยายความสูญเสียได้เช่นกัน การใช้เลเวอเรจมากเกินไปเหมือนกับการวางเดิมพันทั้งหมดของคุณบนม้าตัวเดียว—มันอาจจะได้ผลตอบแทนมหาศาล แต่ก็อาจทำให้คุณไม่มีอะไรเลย นักเทรดควรใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวัง โดยมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่เสี่ยงมากกว่าที่พวกเขาสามารถจะสูญเสียได้ จำไว้ว่าถึงแม้เลเวอเรจจะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ แต่ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง

การมองข้ามตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ

ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจมีบทบาทสำคัญในการกำหนดราคาทองคำ ปัจจัยต่างๆ เช่น เงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดได้ทั้งหมด ผู้เริ่มต้นมักจะมองข้ามตัวชี้วัดเหล่านี้ ซึ่งอาจนำไปสู่การซื้อขายที่ไม่ถูกเวลา การติดตามรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญและการเข้าใจว่ามันมีผลต่อราคาทองคำอย่างไรเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเทรดที่ประสบความสำเร็จ การมองข้ามสัญญาณเหล่านี้อาจส่งผลให้พลาดโอกาสหรือขาดทุนที่ไม่คาดคิด

สถานการณ์การซื้อขายในโลกจริง: นักเทรดทำเงิน (และสูญเสียเงิน) จากทองคำอย่างไร

1. การซื้อทองคำเป็นที่หลบภัยในช่วงเศรษฐกิจถดถอย

ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ ทองคำมักจะทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ตัวอย่างเช่น ในช่วงวิกฤตการเงินโลกปี 2008 ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นในขณะที่ตลาดหุ้นตกต่ำลง นักลงทุนที่ซื้อทองคำในช่วงต้นของวิกฤตสามารถรักษาความมั่งคั่งของพวกเขาไว้ได้และแม้กระทั่งทำกำไรได้อย่างมาก สถานการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า ทองคำสามารถเป็นเส้นชีวิตทางการเงินในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอนได้อย่างไร

2. การใช้เลเวอเรจมากเกินไปและติดอยู่ในตำแหน่งที่ขาดทุน

ลองพิจารณาจอห์น เทรดเดอร์ที่ใช้เลเวอเรจ 20 เท่า โดยคาดว่าราคาทองคำจะขึ้น อย่างไรก็ตาม การกลับตัวของตลาดอย่างกะทันหันทำให้ราคาลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้บัญชีของเขาหมดไป การใช้เลเวอเรจมากเกินไป ร่วมกับความไม่แน่นอนของตลาด สามารถนำไปสู่การขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญในระยะเวลาอันสั้น สถานการณ์นี้เน้นย้ำถึงความเสี่ยงของการใช้เลเวอเรจมากเกินไป โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวน

3. การป้องกันความเสี่ยงด้วยทองคำในช่วงเงินเฟ้อ

ทองคำมักถูกใช้เป็นเครื่องป้องกันเงินเฟ้อเพราะมูลค่าของมันมักจะเพิ่มขึ้นเมื่อกำลังซื้อของสกุลเงินลดลง ตัวอย่างเช่น นักเทรดที่คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงในช่วงต้นปี 2020 หันมาใช้ทองคำเป็นเครื่องป้องกัน เมื่ออัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ราคาทองคำก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเป็นวิธีที่นักเทรดใช้ในการปกป้องความมั่งคั่งของพวกเขา สถานการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงบทบาทของทองคำในฐานะมาตรการป้องกันในสภาวะเงินเฟ้อ

การวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับการซื้อขายทองคำ

การใช้ระดับแนวรับและแนวต้าน

ในตลาดโลหะมีค่า ระดับแนวรับและแนวต้านเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักเทรดทองคำที่ต้องการระบุจุดราคาสำคัญ แนวรับหมายถึงระดับราคาที่ทองคำหยุดลดลง มักเกิดจากความสนใจในการซื้อที่แข็งแกร่งจากนักลงทุนที่เห็นคุณค่าในสินทรัพย์นี้ ในทางกลับกัน แนวต้านคือจุดราคาที่การซื้อขายทองคำมักจะหยุดการเคลื่อนไหวขึ้น โดยสัญญาณถึงการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นเมื่อแรงขายเพิ่มขึ้น

ตัวอย่างเช่น เมื่อทองคำดีดตัวขึ้นจากระดับแนวรับเฉพาะบ่อยครั้ง แสดงว่าผู้ค้าทองคำอาจกำลังเข้ามาในตลาด โดยเชื่อว่าทองคำมีมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ในทำนองเดียวกัน หากราคาทองคำแท่งพยายามที่จะทะลุระดับแนวต้านแต่ไม่สำเร็จ นั่นเป็นสัญญาณว่าตลาดอาจจะกลับทิศทางในไม่ช้า นักเทรดทองคำสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการวางแผนจุดเข้าซื้อและขายของพวกเขา โดยใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของตลาดที่คาดการณ์ไว้

กลยุทธ์ทั่วไปในการซื้อขายทองคำคือการซื้อทองคำแท่งเมื่อราคาใกล้ระดับแนวรับและขายเมื่อราคาใกล้ระดับแนวต้าน วิธีการนี้ช่วยลดความเสี่ยงในขณะที่ให้นักเทรดสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดที่เป็นวัฏจักรในตลาดโลหะมีค่าที่กว้างขึ้น

การใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ในการซื้อขายทองคำ

ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เป็นเครื่องมือที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในการวิเคราะห์แนวโน้มในการซื้อขายทองคำ โดยการทำให้ข้อมูลราคาค่อยๆ นุ่มนวลในช่วงเวลาที่กำหนด ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จะให้ภาพที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับทิศทางระยะยาวของทองคำ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย (SMA) และค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (EMA) เป็นรูปแบบที่ใช้กันอย่างแพร่หลายของตัวบ่งชี้ทางเทคนิคนี้

1. ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบธรรมดา (SMA): SMA คำนวณราคาเฉลี่ยของทองคำแท่งในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น 50 หรือ 200 วัน เมื่อราคาทองคำอยู่เหนือ SMA มักจะแสดงถึงแนวโน้มขาขึ้นในตลาดโลหะมีค่า ซึ่งบ่งบอกถึงโอกาสในการซื้อที่อาจเกิดขึ้น ในทางกลับกัน หากราคาทองคำลดลงต่ำกว่า SMA อาจบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลง ซึ่งกระตุ้นให้นักเทรดทองคำขายหรือปรับลดการลงทุนของตน

2. ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเลขชี้กำลัง (EMA): EMA จะให้น้ำหนักกับข้อมูลราคาที่ใหม่กว่า ทำให้มันไวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดในปัจจุบันมากขึ้น นักเทรดใช้ EMA ระยะสั้นเพื่อจับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำที่รวดเร็ว และใช้ EMA ระยะยาวเพื่อระบุแนวโน้มตลาดที่กว้างขึ้น

กลยุทธ์การซื้อขายทองคำที่ได้รับความนิยมอย่างหนึ่งคือการข้ามของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average Crossover) ซึ่งผู้ค้าจะสังเกตการข้ามของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นขึ้นไปหรือหลุดลงจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว ตัวอย่างเช่น หาก SMA 50 วันตัดขึ้นเหนือ SMA 200 วัน ซึ่งมักเรียกว่า Golden Cross จะบ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้นในตลาดทองคำแท่ง ในทางกลับกัน, Death Cross จะเกิดขึ้นเมื่อ SMA ระยะสั้นตัดลงต่ำกว่า SMA ระยะยาว ซึ่งสัญญาณถึงแนวโน้มขาลงที่อาจเกิดขึ้นในราคาของโลหะมีค่า

ผู้ค้าทองคำสามารถสร้างกลยุทธ์ที่ครอบคลุมมากขึ้นโดยการรวมระดับแนวรับและแนวต้านเข้ากับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ วิธีการนี้ช่วยให้พวกเขาตัดสินใจได้ว่าเมื่อใดควรเข้าหรือออกจากตำแหน่งในตลาดทองคำและโลหะมีค่าอื่น ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรพร้อมกับการจัดการความเสี่ยง

คำศัพท์ทางเศรษฐกิจสำคัญในการซื้อขายทองคำ

“เสี่ยงต่ำ”

ทองมักถูกเรียกว่าเป็นสินทรัพย์ "เสี่ยงต่ำ" เพราะนักลงทุนมักจะย้ายเงินของพวกเขาไปยังทองคำในช่วงที่ตลาดไม่แน่นอน เมื่อความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจลดลง ผู้คนมักจะย้ายเงินของพวกเขาจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หุ้น ไปยังการลงทุนที่ปลอดภัยกว่า เช่น ทองคำ นี่คือเหตุผลว่าทำไมทองคำมักจะทำผลงานได้ดีในช่วงเวลาที่มีความกลัวและความไม่แน่นอน

การป้องกันเงินเฟ้อ

ทองคำถูกพิจารณาว่าเป็นเครื่องป้องกันเงินเฟ้อเพราะมูลค่าของมันมักจะเพิ่มขึ้นเมื่อเงินเฟ้อสูง เมื่อมูลค่าของสกุลเงินลดลงในช่วงที่มีเงินเฟ้อ ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยรักษากำลังซื้อของการลงทุนของคุณ ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนหลายคนจึงใช้ทองคำเพื่อป้องกันผลกระทบจากเงินเฟ้อที่กัดกร่อนพอร์ตการลงทุนของพวกเขา

ความผันผวน

ความผันผวนหมายถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาและความเร็วที่ราคาของสินทรัพย์ เช่น ทองคำ เปลี่ยนแปลง ตลาดทองคำสามารถประสบกับช่วงเวลาที่ค่อนข้างสงบตามด้วยการเคลื่อนไหวของราคาอย่างรวดเร็วและไม่สามารถคาดเดาได้ นักเทรดจำเป็นต้องตระหนักถึงความผันผวนในตลาดทองคำ เพราะมันสามารถสร้างทั้งโอกาสในการทำกำไรและความเสี่ยงในการขาดทุนได้

วิธีเริ่มต้นการซื้อขายทองคำ: เช็คลิสต์สำหรับผู้เริ่มต้น

การเริ่มต้นการซื้อขายทองคำเกี่ยวข้องกับขั้นตอนสำคัญบางประการ อันดับแรก คุณต้องเปิดบัญชีซื้อขายในแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ เช่น Hantec Markets ก่อนที่จะเริ่มลงทุน การฝึกฝนด้วยบัญชีทดลองเป็นความคิดที่ดี สิ่งนี้ช่วยให้คุณได้สัมผัสกับการเทรดโดยไม่ต้องเสี่ยงกับเงินจริง การเริ่มต้นด้วยเงินทุนจำนวนน้อยยังช่วยลดความเสี่ยงเมื่อคุณเรียนรู้พลศาสตร์ของตลาด

การตั้งค่าการแจ้งเตือนเพื่อติดตามแนวโน้มราคาทองคำและตรวจสอบการเคลื่อนไหวของตลาดก็เป็นเรื่องที่ฉลาด การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจการซื้อขายทองคำได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นก่อนที่จะทำการซื้อขายจริงครั้งแรกของคุณ การสร้างพื้นฐานที่มั่นคงจะเพิ่มโอกาสของคุณในการประสบความสำเร็จในระยะยาว

ข้อคิดเกี่ยวกับการซื้อขายทองคำ

สรุปแล้ว การซื้อขายทองคำมีโอกาสมากมายสำหรับทั้งผู้เริ่มต้นและผู้ค้าที่มีประสบการณ์ ไม่ว่าจะใช้ทองคำเป็นที่หลบภัยในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ เป็นเครื่องมือในการกระจายพอร์ตโฟลิโอ หรือเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ทองคำมีบทบาทสำคัญในการรักษาความมั่งคั่ง บางขั้นตอนที่เน้นการลงมือทำในวันนี้รวมถึงการเปิดบัญชีทดลองกับ Hantec Markets เพื่อฝึกการซื้อขาย การทบทวนกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง และการตั้งค่าการแจ้งเตือนราคาเพื่อติดตามโอกาสในตลาด

บทสรุป: การเทรดทองคำเหมาะกับคุณหรือไม่?

การซื้อขายทองคำอาจเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุน ป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ หรือมองหากำไรที่เป็นไปได้ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน ด้วยกลยุทธ์ที่ถูกต้องและความมุ่งมั่นในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เทรดเดอร์มือใหม่สามารถนำทางความซับซ้อนของการซื้อขายทองคำและเปลี่ยนมันให้เป็นกิจกรรมที่จัดการได้และมีกำไร หากคุณพร้อมที่จะเริ่มเทรด ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการสำรวจตลาดทองคำและโอกาสอันมากมายที่มีอยู่

คำถามที่พบบ่อย

1. เวลาไหนที่ดีที่สุดในการเทรดทองคำ?

เวลาที่ดีที่สุดในการซื้อขายทองคำคือเมื่อสภาพคล่องของตลาดสูง เช่น ในช่วงเวลาที่ตลาดการเงินหลักอย่างลอนดอนและนิวยอร์กทับซ้อนกัน

2. ฉันต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการเริ่มต้นเทรดทองคำ?

ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ของคุณ จำนวนเงินที่ต้องใช้จะแตกต่างกันไป แต่แพลตฟอร์มหลายแห่งอนุญาตให้คุณเริ่มต้นด้วยเงินเพียงไม่กี่ร้อยดอลลาร์ โดยเฉพาะเมื่อเทรด CFD หรือ ETF

3. แพลตฟอร์มใดที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อขายทองคำ?

แพลตฟอร์มอย่าง Hantec Markets มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและการเข้าถึงตลาดทองคำที่เชื่อถือได้ ทำให้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและนักเทรดที่มีประสบการณ์

4. การซื้อขายทองคำปลอดภัยสำหรับผู้เริ่มต้นหรือไม่?

การซื้อขายทองคำสามารถปลอดภัยสำหรับผู้เริ่มต้นได้หากพวกเขาปฏิบัติตามกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการใช้เลเวอเรจเกินกำลัง และใช้เวลาเรียนรู้พลศาสตร์ของตลาด

5. ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในการซื้อขายทองคำคืออะไร?

ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในการซื้อขายทองคำรวมถึงความผันผวนของราคา การใช้เลเวอเรจเกินกำลัง และการมองข้ามตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ความผันผวนของตลาดสามารถนำไปสู่การขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับผู้ค้าที่ใช้เลเวอเรจมากเกินไปโดยไม่มีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ อัตราเงินเฟ้อ และการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินสามารถส่งผลกระทบต่อราคาทองคำได้ ทำให้การติดตามข้อมูลและความระมัดระวังเป็นสิ่งสำคัญ

ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหาของบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ใช่คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะในการซื้อขายในทุกรูปแบบ