กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยง 3 ข้อสำหรับการเทรดฟอเร็กซ์ CFD ด้วยเลเวอเรจสูง

📅 09.12.2025 👤 Syed Maaz Ashgar

คนมักบอกว่า สิ่งที่ยิ่งใหญ่มักต้องแลกมาด้วยบางสิ่งเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเหงื่อ น้ำตา เลือด หรือแม้กระทั่งฝาขวดนับร้อย ทุกสิ่งล้วนมีองค์ประกอบของความเสี่ยงและผลตอบแทน แต่สำหรับการเทรดแล้ว การบริหารความเสี่ยงถือเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของความสัมพันธ์แบบ “ธุรกรรม” นี้ และต่างจากความเชื่อแบบเหมารวมที่ว่า การเทรดคือการพนัน ความจริงแล้วมีเส้นบาง ๆ ที่กั้นระหว่าง “การเทรดอย่างมีการคำนวณ” กับ “การเสี่ยงโชคอย่างประมาท” 

การบริหารความเสี่ยงคือชุดของเครื่องมือและพฤติกรรมที่จะปกป้องเงินทุนของคุณ เพื่อให้คุณสามารถอยู่ในเกมและเทรดต่อไปได้อีกวัน — ซึ่งมีความสำคัญยิ่งเมื่อต้องใช้เลเวอเรจ เพราะแม้ว่าเลเวอเรจสูงจะเปิดโอกาสให้ชนะได้มาก แต่ก็มีโอกาสขาดทุนที่มากยิ่งกว่าหากสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามที่คาดคิด 

เลเวอเรจก็คือ “เงินที่กู้มาใช้” เปรียบเสมือนวงเงินเครดิตที่มากขึ้น ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องแย่โดยตัวมันเอง แต่สิ่งสำคัญคือคุณนำมันไปใช้อย่างไร ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในสภาวะเลเวอเรจสูงสามารถกลายเป็นการขาดทุนมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นการมีแผนที่ชัดเจนและกฎระเบียบที่รอบคอบคือสิ่งที่แยก “ความสำเร็จ” ออกจาก “ความล้มเหลว” 

ไม่ว่าจะเป็น 50:1, 100:1 หรือแม้แต่ 1000:1 นี่คือแนวทางที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ถูกต้องและจัดการความเสี่ยงของคุณเมื่อเทรดด้วยเลเวอเรจสูง 

เรียนรู้ครบทุกเรื่องเกี่ยวกับ… 

  • ความเสี่ยงของการเทรดฟอเร็กซ์ด้วยเลเวอเรจสูง 
  • เครื่องมือสำคัญขั้นพื้นฐานในการบริหารความเสี่ยง 
  • กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงเมื่อต้องเทรดด้วยเลเวอเรจสูงแบบนำไปใช้จริง 
  • และสุดท้าย… 3 กลยุทธ์การเทรดที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยหลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้ 

หากคุณมีคำถาม คำตอบรอคุณอยู่ท้ายบทความนี้ มาร่วมกันเตรียมพร้อมรับมือความเสี่ยงไปด้วยกัน… 

ความเสี่ยงของการเทรดฟอเร็กซ์ด้วยเลเวอเรจสูง 

การเข้าใจความเสี่ยงก็เปรียบเสมือนการขับรถโดยมีแผนที่หลุมบ่ออยู่ในมือ — หากคุณมองเห็นอันตรายล่วงหน้า คุณก็สามารถชะลอความเร็วหรือเปลี่ยนเลนไปยังเส้นทางที่ปลอดภัยกว่าได้ 

  • ความเสี่ยงด้านค่าเงิน (Currency Risk): อัตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา และการเปลี่ยนแปลงนั้นส่งผลโดยตรงต่อมูลค่าของสถานะการเทรดของคุณ 
  • ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Interest-Rate Risk): การตัดสินใจของธนาคารกลางสามารถสร้างความผันผวนอย่างรุนแรงและฉับพลันในตลาดได้ 
  • ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk): เมื่อสภาวะตลาดเบาบาง หรือมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย อาจทำให้การเข้าออกออเดอร์เป็นไปได้ยาก และเกิด slippage ที่สูง 
  • ความเสี่ยงด้านเลเวอเรจ (Leverage Risk): เลเวอเรจสามารถขยายทั้งกำไรและขาดทุน การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยของราคาอาจสร้างความผันผวนในกำไร/ขาดทุน (P&L) ได้อย่างมหาศาล 

ในภาพรวมแล้ว การเทรดเต็มไปด้วยความเสี่ยงหลากหลายรูปแบบ แต่ความเสี่ยงเหล่านี้คือสิ่งที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเป้าหมายของคุณในการเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ และยังเป็นความเสี่ยงที่คุณสามารถเตรียมรับมือได้ หากคุณมี “อุปกรณ์” และแผนการที่ถูกต้องตั้งแต่แรก 

ชุดเครื่องมือพื้นฐานสำหรับการบริหารความเสี่ยง 

เมื่อคุณวางแผนกลยุทธ์การเทรดด้วยเลเวอเรจสูง การเช็คให้ครบทุกข้อถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เพราะนอกเหนือจากกลยุทธ์การเทรดแล้ว ยังมีปัจจัยอีกมากมายที่สามารถส่งผลต่อผลลัพธ์ของการเทรดครั้งต่อไป (หรือชุดการเทรดทั้งหมด) ของคุณได้ 

  • ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk Appetite): ตัดสินใจก่อนว่าจะยอมเสี่ยงต่อการเทรดหนึ่งครั้งเท่าไร (นักเทรดมืออาชีพจำนวนมากใช้ 1%–2% ของยอดเงินคงเหลือ) เพื่อให้การขาดทุนในแต่ละครั้งอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ 
  • จุดตัดขาดทุน (Stop Loss): คำสั่งปิดออเดอร์อัตโนมัติที่จำกัดการขาดทุนเมื่อราคาตลาดเคลื่อนไหวสวนทาง ถือเป็น “เกราะป้องกันหลัก” ของคุณ 
  • การใช้เลเวอเรจ (Leverage): เลือกระดับเลเวอเรจอย่างเหมาะสม เลเวอเรจสูงอาจเป็นประโยชน์ แต่ต้องควบคุมให้ดี 
  • อารมณ์ (Emotions): การเทรดในภาวะวิตกกังวลหรือไล่ตาม FOMO สามารถทำลายแผนการได้ กฎที่ชัดเจนจะช่วยป้องกันความผิดพลาดจากอารมณ์ 
  • ข่าวสาร (The News): การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจและเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์สามารถทำให้ตลาดผันผวนได้เสมอ ตรวจสอบปฏิทินเศรษฐกิจก่อนตัดสินใจเทรด 
  • สมุดบันทึกการเทรด (Trade Journal): จดบันทึกเหตุผลที่คุณเปิดออเดอร์และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เพื่อเรียนรู้และพัฒนาทักษะได้เร็วขึ้น รวมถึงทำซ้ำสิ่งที่ได้ผล 

เมื่อเปลี่ยนคำพูดเหล่านี้ให้กลายเป็น “การทดลองที่ควบคุมได้” เราจะลองดูตัวอย่างการเทรดจริงภายใต้เลเวอเรจสูง และเห็นชัดว่าการใช้เลเวอเรจนั้นสามารถนำไปได้ทั้งสองทาง — ทั้งโอกาสและความเสี่ยง 

การบริหารความเสี่ยงด้วยเลเวอเรจสูงในทางปฏิบัติ 

เมื่อคุณเทรดด้วยเลเวอเรจ คุณสามารถเลือกได้สองเส้นทาง: การวิ่งแบบประมาท หรือ การไต่ขึ้นอย่างมีแบบแผน และตัวเลขจะชี้ให้เห็นชัดเจนว่าทำไม 

สมมติว่าเทรดเดอร์มีเงินในบัญชี $10,000 และเลือกใช้เลเวอเรจ 100:1 ซึ่งหมายความว่าเขาสามารถควบคุมปริมาณสัญญาฟอเร็กซ์ได้มากถึง $10,000 × 100 = $1,000,000 

เขาเปิดสถานะขนาดใหญ่ในคู่เงิน EUR/USD ที่ราคา 1.1000 

การเคลื่อนไหวของราคาเพียง 1% ในทางตรงข้าม ของระดับ 1.1000 เท่ากับ 0.0110 หรือ 110 pips (1 pip = 0.0001)  การควบคุมสัญญามูลค่า $1,000,000 เท่ากับการเทรด 10 สแตนดาร์ดล็อต (1 ล็อต = 100,000 หน่วย) โดยที่แต่ละ pip ของ 1 ล็อตมีค่า $10 

ดังนั้น 10 ล็อต จะมีค่า $100 ต่อ pip  หากราคาเคลื่อนไหวสวนทาง 110 pips จะขาดทุนเท่ากับ 110 × $100 = $11,000 ซึ่งมากกว่ามูลค่าบัญชี $10,000 ที่เทรดเดอร์มีตั้งแต่แรกเสียอีก 

กล่าวโดยสรุป: การเคลื่อนไหวเพียง 1% ที่ไม่เป็นใจ สามารถล้างพอร์ตคุณได้หมด  และจุดเปลี่ยนชี้ชะตาต่อไปก็คือ การจัดการของเทรดเดอร์เองว่าจะทำให้ผลลัพธ์เป็นอย่างไร 

สมมติฐาน A: การบริหารความเสี่ยงที่ล้มเหลว 

เทรดเดอร์ใช้เลเวอเรจเต็มพอร์ต ไม่ตั้งจุดตัดขาดทุน และยังเข้าเทรดช่วงที่มีการประกาศข่าวใหญ่ เมื่อตลาดเกิด gap สวนทาง ความสูญเสียก็ท่วมบัญชีอย่างรวดเร็ว อารมณ์เข้ามาครอบงำจนเกิดการ “แก้มือ” แบบไร้เหตุผล และสุดท้ายบัญชีถูกล้างหมด 

สมมติฐาน B: การดำเนินการเชิงกลยุทธ์แบบระมัดระวัง 

เทรดเดอร์กำหนดขนาดการเทรดโดยยอมเสี่ยงเพียง 1% ของพอร์ต ตั้งจุดตัดขาดทุนอย่างเข้มงวด ใช้เลเวอเรจในระดับต่ำ และหลีกเลี่ยงการเข้าเทรดช่วงข่าวผันผวนรุนแรง เมื่อราคาสวิงสวนทาง ความเสียหายก็ยังอยู่ในกรอบที่ควบคุมได้ บทเรียนถูกเก็บเกี่ยว และเขายังสามารถเทรดต่อไปได้ 

แม้เผชิญกับสถานการณ์ตลาดเดียวกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ต่างกันโดยสิ้นเชิงภายใต้การใช้เลเวอเรจสูง  ความแตกต่างอยู่ที่ “การวางแผน วินัย และการใช้แพลตฟอร์มการเทรดอย่างถูกต้อง” 

3 กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่พิสูจน์แล้ว สำหรับการเทรดด้วยเลเวอเรจสูง 

1. โอบรับพลังของเลเวอเรจ แต่ควบคุมเปลวไฟของมันให้ได้ 

เลเวอเรจที่สูงไม่ได้เลวร้ายโดยตัวมันเอง ปัญหาหลักคือคนส่วนมากไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเลเวอเรจคืออะไร และไม่เข้าใจความเสี่ยงที่มาพร้อมกับมัน 

แม้แต่การใช้เลเวอเรจเพียง 100:1 การเคลื่อนไหวของราคาเพียง 1% ที่สวนทางก็สามารถล้างพอร์ตคุณได้ ดังนั้นลองจินตนาการดูว่าถ้าใช้ 500:1 หรือ 1000:1 จะสร้างความเสียหายได้มากแค่ไหนหากอยู่ในมือที่ผิด หรือทำการตัดสินใจที่ผิด 

💡 เคล็ดลับ: ทดลองใช้เลเวอเรจ 25:1, 50:1 และ 100:1 บนบัญชีเดโมก่อน แล้วค่อยเพิ่มระดับหลังจากที่คุณเข้าใจการแกว่งตัวของราคาอย่างถ่องแท้ บริหารเลเวอเรจให้เหมาะสมและเสี่ยงเฉพาะในระดับที่คุณรับผลขาดทุนไหว เลเวอเรจคือการไต่เขาสูงชัน แต่ก็มีเหวลึกไร้ก้นเช่นกัน 

2. Stop Loss 🤝 เป้ากำไร; ปกป้องทุนและล็อกกำไร 

Stop loss คือเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการควบคุมการขาดทุน อย่าเทรดโดยไม่ใช้มันเด็ดขาด ตั้งเป้าหมายกำไรหรือตั้ง Trailing Stop เพื่อล็อกกำไรเมื่อราคาขยับไปในทิศทางที่คุณต้องการ 

การทยอยปิดบางส่วนเมื่อได้กำไร จะช่วยให้คุณจัดการความเสี่ยงได้ ขณะเดียวกันก็ยังเก็บโอกาสทำกำไรต่อไปได้ เครื่องมือวิเคราะห์ เช่น InsightPro ยังช่วยกำหนดจุดหยุดขาดทุนและเป้ากำไรได้อย่างมีเหตุผล 

💡 เคล็ดลับ: ตั้ง Stop loss ทุกครั้งก่อนกด “Buy” หรือ “Sell” และหากคุณไม่สามารถอธิบายเหตุผลของจุด Stop นั้นได้ ก็ไม่ควรเข้าเทรดตั้งแต่แรก 

3. จัดการอารมณ์; แล้วความเสี่ยงจะจัดการตัวมันเอง 

เมื่อปริมาณการซื้อขายและ “คำแนะนำ” ออนไลน์มีอยู่เกลื่อนกลาด สิ่งที่คุณต้องทำคือควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ตลาดจะทดสอบคุณเสมอ ความโลภ ความกลัว และ FOMO จะผลักดันให้คุณตัดสินใจที่ผิดพลาด 

คุณต้องมีกฎที่ชัดเจน: จำกัดความเสี่ยงต่อการเทรด, กำหนดขีดจำกัดการขาดทุนต่อวัน, และพักเบรกเมื่อเจอการขาดทุนต่อเนื่อง เขียน สมุดบันทึกการเทรด (Trade Journal): จดบันทึกความคิดและเหตุผลทุกครั้งที่เทรด เพื่อเปิดโปงความผิดพลาดที่เกิดจากอารมณ์ และพัฒนาการเทรดอย่างต่อเนื่อง 

การวิ่งตามกระแส “hype” ที่ดูเหมือนกำลังบวก หรือเชื่อคำแนะนำจากแหล่งที่เก็งกำไรสูง อาจทำให้พอร์ตคุณพังได้ จงเชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง แต่ต้องหนุนหลังด้วยข้อมูลก่อนเสมอ 

💡 เคล็ดลับ: เก็บบันทึกการเทรดและติดตามพฤติกรรมของตัวเอง เช่นเดียวกับชีวิตประจำวัน การตัดสินใจผิดพลาดในการเทรดอาจเกิดขึ้นได้หากคุณอยู่ในวันที่สภาพจิตใจไม่ปกติ ทุกคนมีรูปแบบของตัวเอง และการค้นหาสูตรสำเร็จที่เหมาะกับคุณคือกุญแจสำคัญ 

พร้อมจะเทรดให้ดียิ่งขึ้นหรือยัง? 

เลเวอเรจสูงอาจเป็นได้ทั้ง “ข้อได้เปรียบ” หรือ “เส้นทางลัดสู่ความล่มสลาย” เลือกใช้เลเวอเรจอย่างมีเหตุผล ตั้ง Stop Loss ทุกครั้ง และควบคุมอารมณ์ของคุณให้อยู่หมัด 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเทรดด้วยเลเวอเรจสูง 

Q: การเทรดด้วยเลเวอเรจสูงคืออะไร? 

A: คือการเทรดโดยใช้เงินทุนที่กู้ยืมมา เพื่อควบคุมขนาดสถานะที่ใหญ่กว่ายอดเงินในบัญชีของคุณ 

Q: มีกลยุทธ์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเทรดเลเวอเรจสูงหรือไม่? 

A: ไม่มีกลยุทธ์ใดที่สมบูรณ์แบบ แต่สิ่งจำเป็นคือการกำหนดความเสี่ยงอย่างมีวินัย การใช้ Stop Loss และการควบคุมอารมณ์ 

Q: ถ้าเกิดข้อผิดพลาดขึ้นระหว่างการเทรดเลเวอเรจสูงจะเป็นอย่างไร? 

A: ความสูญเสียจะถูกขยายใหญ่ขึ้นและอาจทำให้พอร์ตถูกล้างได้ เครื่องมืออย่าง Hantec Balance Guard ช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลงและปกป้องยอดเงินคงเหลือของคุณ โดยมอบการป้องกันยอดเงินติดลบ (Negative Balance Protection) เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่สูญเสียเกินกว่ายอดเงินที่ฝากไว้ บริการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องเทรดเดอร์จากความผันผวนของตลาดและความสูญเสียที่ไม่คาดคิด 

Q: ควรเสี่ยงต่อการเทรดหนึ่งครั้งเท่าไร? 

A: พิจารณาระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ โดยขึ้นอยู่กับประสบการณ์การเทรดและผลลัพธ์ที่ผ่านมา เพื่อกำหนดจำนวนเงินทุนที่คุณพร้อมจะนำไปใช้กับเลเวอเรจ 

Q: ควรเริ่มจากบัญชีเดโมหรือไม่? 

A: ควร — การใช้บัญชีเดโมช่วยให้คุณเรียนรู้การกำหนดขนาดสถานะ ผลของเลเวอเรจ และการใช้งานแพลตฟอร์ม MT4/MT5 โดยไม่ต้องเสี่ยงกับเงินจริง 
 

* Disclaimer: InsightPro ให้ข้อมูลตลาด สัญญาณ และบทวิเคราะห์เพื่อวัตถุประสงค์ด้านข้อมูลเท่านั้น และไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการเงินหรือการลงทุนโดย Hantec Markets 

ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหาของบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ใช่คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะในการซื้อขายในทุกรูปแบบ