ในโลกของการเทรด ตัวชี้วัดทางเทคนิคทำหน้าที่เป็นเครื่องมืออันล้ำค่าสำหรับเทรดเดอร์ ช่วยให้พวกเขาสามารถวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของตลาด ระบุโอกาสในการทำกำไร และบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้ เราจะพูดถึงความแตกต่างระหว่างตัวชี้วัดเศรษฐกิจกับการเทรด ยกตัวอย่างตัวชี้วัดแต่ละตัว จากนั้นจะไปเจาะลึกตัวชี้วัดแบบนำหน้ากับแบบตามหลังในรูปแบบต่างๆ
สารบัญ:
เทรดเดอร์อาศัยตัวชี้วัดประเภทต่างๆ เพื่อให้สามารถตัดสินใจเทรดได้อย่างมีข้อมูล หากคุณมีพื้นฐานด้านการเงินหรือเศรษฐศาสตร์แต่ไม่มีพื้นฐานด้านการเทรด สิ่งนี้อาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่ชัดเจนสำหรับคุณ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องแยกความแตกต่างระหว่างตัวชี้วัดเศรษฐกิจ ซึ่งสะท้อนถึงสภาพโดยรวมของเศรษฐกิจ และตัวชี้วัดการเทรด ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือเทรดเดอร์ในการประเมินตลาดโดยเฉพาะ แน่นอนว่าตัวชี้วัดเศรษฐกิจกับการเทรดมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก แต่ก็ยังเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทราบว่าเหตุใดเราจึงแยกทั้งสองประเภทออกจากกัน
ตัวชี้วัดเศรษฐกิจให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลการดำเนินงานและแนวโน้มของเศรษฐกิจ ตัวชี้วัดเหล่านี้ให้ข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับปัจจัยต่างๆ เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ การจ้างงาน และสภาพเศรษฐกิจระดับมหภาคโดยรวม และนี่เป็นสองตัวอย่างของตัวชี้วัดเศรษฐกิจ:
ในทางกลับกัน ตัวชี้วัดการเทรดเป็นการคำนวณทางคณิตศาสตร์โดยพิจารณาจากข้อมูลราคาและปริมาณ ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อช่วยเทรดเดอร์ในการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด ระบุจุดเข้าหรือออกที่เป็นไปได้ และบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ และนี่เป็นสองตัวอย่างของตัวชี้วัดการเทรด:
หลังจากเข้าใจความแตกต่างระหว่างตัวชี้วัดเศรษฐกิจกับการเทรดแล้ว เราจะไปดูความแตกต่างระหว่างตัวชี้วัดแบบนำหน้ากับแบบตามหลังกัน ความแตกต่างของสองประเภทนี้อยู่ที่ความสามารถในการคาดการณ์หรือยืนยันแนวโน้มของตลาด เมื่อเราพูดถึงตัวชี้วัดแบบนำหน้ากับแบบตามหลัง เรากำลังพูดถึงตัวชี้วัดการเทรดมากกว่าตัวชี้วัดเศรษฐกิจ สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าคำศัพท์ "นำหน้า" และ "ตามหลัง" สามารถใช้เมื่อพูดถึงตัวชี้วัดเศรษฐกิจและความสัมพันธ์กับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ตัวชี้วัดแบบนำหน้ามีจุดมุ่งหมายเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและให้สัญญาณแก่เทรดเดอร์ก่อนที่เทรนด์จะเปลี่ยนแปลง โดยมักจะใช้เพื่อระบุจุดเข้าหรือออกที่เป็นไปได้ในตลาด และนี่เป็นสองตัวอย่างของตัวชี้วัดแบบนำหน้า:
ตัวชี้วัดแบบตามหลัง หรือที่เรียกว่าตัวชี้วัดตามหลังเทรนด์ จะยืนยันเทรนด์ที่เกิดขึ้นไปแล้ว โดยจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความเข้มแข็งและความยั่งยืนของเทรนด์ และนี่เป็นสองตัวอย่างของตัวชี้วัดแบบตามหลัง:
ตัวชี้วัดมีบทบาทสำคัญในการเทรดโดยให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าแก่เทรดเดอร์ในด้านแนวโน้มของตลาด โอกาสที่เป็นไปได้ และการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิผล ตัวชี้วัดเศรษฐกิจสะท้อนถึงสภาวะโดยรวมของเศรษฐกิจ ขณะที่ตัวชี้วัดการเทรดถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อช่วยเทรดเดอร์ในการตัดสินใจอย่างมีข้อมูล นอกจากนี้ ตัวชี้วัดแบบนำหน้าจะพยายามคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต ขณะที่ตัวชี้วัดแบบตามหลังจะยืนยันเทรนด์ที่เกิดขึ้น ด้วยการทำความเข้าใจและการใช้ตัวชี้วัดต่างๆ เทรดเดอร์จะสามารถปรับปรุงกลยุทธ์การเทรดของตนและดำเนินการในตลาดการเงินที่แสนซับซ้อนนี้ได้อย่างมั่นใจ
Top 5 Blogs