การเทรดตามเส้นแนวโน้ม: ตลาดในแนวโน้มและตลาดในกรอบคืออะไร

📅 05.23.2023 👤 N Razlozhki

ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ชาร์ลส์ ดาว (ซึ่งตั้งชื่อดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ตามชื่อตัวเอง) พบหลายวิธีที่สามารถใช้วิเคราะห์ตลาดการเงินได้ ซึ่งในตอนนี้ผู้คนส่วนมากรู้จักกันในชื่อ ทฤษฎีดาว หนึ่งในบทเรียนสำคัญจากทฤษฎีดาวคือตลาดเคลื่อนที่เป็นแนวโน้ม โดยมีแนวโน้มสามประเภท: ขาขึ้น ขาลงและไม่แน่นอน สำหรับนักวิเคราะห์และนักเทรดทางเทคนิค การระบุเวลาที่ตลาดอยู่ในแนวโน้ม (ขาขึ้นหรือขาลง) หรือแนวโน้มที่ไม่แน่นอน หรือกลับตัวในกรอบราคาเป็นหัวใจสำคัญของทุกกลยุทธ์ในการเทรด

ในบทความนี้ เราจะเรียนรู้เรื่อง:

Add a header to begin generating the table of contents


นิยามของตลาดในแนวโน้มคืออะไร


ตลาดไม่ได้เคลื่อนที่เป็นเส้นตรง แต่มันเป็นชุดของจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด ทฤษฎีดาวกำหนดให้แนวโน้มขาขึ้นคือชุดของจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่แนวโน้มขาลงคือจุดสูงสุดที่ต่ำลงและจุดต่ำสุดที่ต่ำลงตามลำดับ

นิยามของตลาดในกรอบคืออะไร

บางครั้งตลาดไม่ได้เคลื่อนไหวแบบที่มีจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น หรือจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดต่ำลงอย่างต่อตามลำดับเสมอไป แต่มันเคลื่อนไหวด้วยจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดแบบสุ่ม บางจุดสูงและบางจุดต่ำกว่าจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดก่อนหน้านั้น เราเรียกการเคลื่อนไหวแบบนี้ว่าแนวโน้มที่ไม่แน่นอน หรือที่รู้จักกันในชื่อตลาดในกรอบ

นอกจากการดูแนวโน้มขาขึ้น ขาลงและแนวโน้มที่ไม่แน่นอนแล้ว นักวิเคราะห์และนักเทรดทางเทคนิคสามารถใช้เส้นแนวโน้มกำหนดขอบเขตของตลาดในแนวโน้มและตลาดในกรอบได้



เส้นแนวโน้มคืออะไร

เส้นแนวโน้มคือเส้นที่ลากระหว่างสองจุด - โดยทั่วไปแล้วจะลากจากจุดที่สูงสุดหรือต่ำสุดที่สังเกตได้  นักเทรดใช้เส้นเหล่านี้ระบุตลาดในแนวโน้มหรือตลาดในกรอบ เส้นแนวโน้มจะลากจากจุดสูงสุดในแนวโน้มขาลง และจุดต่ำสุดในแนวโน้มขาขึ้น



เส้นแนวโน้มทำงานยังไง

เส้นแนวโน้มสามารถนำมาใช้ระบุแนวรับและแนวต้านได้ ซึ่งจากนั้นคุณสามารถนำข้อมูลมาใช้เป็นจุดเข้าเทรดหรือจุดออกจากการเทรดได้ เส้นแนวโน้มยังทำให้คุณคาดการณ์เวลาที่ตลาดอาจเปลี่ยนทิศทางได้ - ยกตัวอย่างเช่น จากระยะขาขึ้นสู่ระยะเป็นกลาง หรือจากระยะที่ไม่แน่นอนไปเป็นแนวโน้มขาลงหรือขาขึ้นโดยที่ราคาทะลุกรอบ คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้จากบทความ วิธีการเทรดทะลุกรอบราคาของเรา



เส้นแนวโน้มประเภทต่างๆ มีอะไรบ้าง

ประเภทของเส้นแนวโน้มสามารถแบ่งออกคร่าวๆ ได้ดังนี้:




  • เส้นแนวโน้มขาขึ้น
  • เส้นแนวโน้มขาลง
  • เส้นแนวโน้มไม่แน่นอน หรือเส้นแนวโน้มรวมฐาน



แนวโน้มขาขึ้น (จุดต่ำสุดสูงขึ้น)

แนวโน้มขาขึ้นคือชุดของจุดสูงสุดที่สูงขึ้นและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น ดังที่เห็นในรูปด้านล่าง เส้นแนวโน้มถูกลากโดยการเชื่อมจุดสวิงต่ำสุดที่ต่อเนื่องกันที่กำหนดแนวโน้มขาขึ้น จากนั้นคุณสามารถใช้เส้นแนวโน้มขาขึ้นนี้เป็นแนวรับได้




แนวโน้มขาลง (จุดสูงสุดต่ำลง)


คุณสามารถจำแนกแนวโน้มขาลงได้จากชุดของจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ต่ำลง ดังภาพด้านล่าง ให้ลากเส้นแนวโน้มเชื่อมจุดสูงสุดที่สำคัญ คุณจะสามารถใช้เส้นนั้นเป็นแนวต้านได้

แนวโน้มที่ไม่แน่นอน (ในกรอบ)

ในตลาดที่ไม่แน่นอนหรือตลาดในกรอบ คุณสามารถวาดเส้นแนวโน้มที่ไม่ได้ระบุแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงได้ แต่เป็นตัวระบุแนวโน้มที่ไม่แน่นอนหรือตลาดในกรอบ เส้นแนวโน้มเหล่านี้ในตลาดในกรอบจะระบุกรอบราคา แล้วยังช่วยส่งสัญญาณการทะลุกรอบราคาด้วย


ข้อดีและข้อเสียของการเทรดตามเส้นแนวโน้มคืออะไร

ข้อดีของการเทรดตามเส้นแนวโน้ม

ข้อดีที่ได้จากการเทรดตามเส้นแนวโน้มคือ:




  • การทะลุเส้นแนวโน้มคือสัญญาณการสิ้นสุดแนวโน้ม - คุณสามารถระบุได้ว่าแนวโน้มสิ้นสุดลงแล้วเมื่อราคาทะลุเส้นแนวโน้ม
  • สามารถช่วยระบุระดับที่ควรเข้าเทรดได้ - คุณสามารถใช้จุดที่ราคาทะลุเส้นแนวโน้มเป็นระดับการเข้าเทรดในกลยุทธ์การเทรดของคุณได้
  • สามารถช่วยระบุระดับที่ควรออกจากการเทรดได้ - คุณสามารถใช้การทะลุเส้นแนวโน้มเป็นเหตุผลในการออกจากการเทรดได้ และวางจุดออกจากการเทรดไว้ตรงจุดที่ราคาทะลุเส้นแนวโน้ม
  • การเทรดตามเส้นแนวโน้มให้สัญญาณที่รวดเร็ว (มากกว่าตอนใช้ตัวบ่งชี้อื่น) - สัญญาณที่รวดเร็วนี้มักจะมาจากการใช้เส้นแนวโน้มในการเข้าหรืออกจากการเทรด แทนการใช้ระดับแนวรับและแนวต้านอื่นๆ ในการหาสัญญาณ
  • คุณสามารถเพิ่มผลกำไรได้ - การใช้งานเส้นแนวโน้มข้างต้นสามารถเพิ่มผลกำไรของคุณได้ (แต่การทะลุกรอบราคาปลอมนั้นอาจทำให้คุณเสียกำไรได้ - ดูข้อเสียของการเทรดตามเส้นแนวโน้มได้ด้านล่าง)



ข้อเสียของการเทรดตามเส้นแนวโน้ม



  • ข้อเสียหลักของการเทรดตามเส้นแนวโน้มคือบางครั้งจะเกิดสัญญาณปลอม ยกตัวอย่างเช่น ในแนวโน้มขาขึ้น อาจมีการทะลุเส้นแนวโน้มที่สูงขึ้น แต่ไม่ทะลุแนวรับถัดมา ทำให้แนวโน้มขาขึ้นดำเนินต่อไป
  • คุณอาจเทรดในตลาดในกรอบด้วยการขายที่จุดสูงสุดของกรอบราคา และซื้อที่จุดสูงสุดของกรอบนั้น หรือคุณอาจมองหาการทะลุกรอบราคาหรือการทะลุแนวโน้มที่ไม่แน่นอน แต่บางครั้งการทะลุกรอบราคาเหล่านี้อาจเป็นการหลอก (หรือทะลุหลอกอย่างที่คนมักเรียกกัน)



ประเด็นสำคัญ

ตอนนี้คุณควรเข้าใจเรื่องตลาดในแนวโน้มและตลาดในกรอบมากขึ้น รู้วิธีระบุแนวโน้มและใช้เส้นแนวโน้มในตลาดขาขึ้น ขาลงและตลาดที่ไม่แน่นอนหรือตลาดในกรอบแล้ว

เมื่อคุณนำทักษะวิเคราะห์ทางเทคนิคใหม่นี้ไปใช้กับกลยุทธ์การเทรดของคุณ คุณควรระบุระดับการเข้าและออกจากการเทรดได้ดียิ่งขึ้น และถ้าพัฒนาทักษะนี้ไปเรื่อยๆ ผลลัพธ์การเทรดของคุณจะดีขึ้นและจะได้กำไรมากขึ้นในระยะยาว

ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหาของบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ใช่คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะในการซื้อขายในทุกรูปแบบ