แนวโน้มความรู้สึกของตลาดและการเก็งกำไรมีผลอย่างไรต่อการเคลื่อนไหวของราคาในตลาดฟอเร็กซ์

📅 06.30.2025 👤 Aaron Akwu

ตลาดฟอเร็กซ์ได้รับอิทธิพลไม่เพียงแค่จากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความรู้สึกของตลาด (Market Sentiment) และกิจกรรมการเก็งกำไรด้วย แม้ว่าข้อมูลทางเศรษฐกิจ เช่น GDP อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ย จะเป็นตัวกำหนดทิศทางในระยะยาว แต่การเคลื่อนไหวของค่าเงินในระยะสั้นมักถูกขับเคลื่อนโดยความรู้สึกของนักลงทุน ความต้องการความเสี่ยง และพฤติกรรมการซื้อขาย การเข้าใจบทบาทของความรู้สึกของตลาด การเก็งกำไร สภาพคล่อง และความสัมพันธ์กับสินทรัพย์ประเภทอื่น ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ที่ต้องการรับมือกับความผันผวนของตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ 

สารบัญ:

อารมณ์ของตลาดส่งผลต่อราคาในตลาดฟอเร็กซ์อย่างไร 

อารมณ์ของตลาด (Market Sentiment) หมายถึงทัศนคติหรือความรู้สึกโดยรวมของนักลงทุนที่มีต่อสกุลเงินใดสกุลเงินหนึ่ง หรือภาวะของตลาดการเงินในภาพรวม ซึ่งอารมณ์นี้ได้รับอิทธิพลจากการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจ เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายของธนาคารกลาง และภาวะความเสี่ยงในระดับโลก เมื่ออารมณ์ของตลาดเป็นบวก สกุลเงินนั้นมักจะแข็งค่าขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพ ในทางกลับกัน หากอารมณ์ของตลาดเป็นลบ อาจนำไปสู่การเทขายสกุลเงินและการอ่อนค่าของค่าเงินนั้น 

ตัวอย่างเช่น ในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอน เช่น วิกฤตทางการเงินหรือความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ นักลงทุนมักจะมองหาสกุลเงินที่ถือว่าเป็น “ที่หลบภัย” (Safe-Haven) เช่น ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ฟรังก์สวิส (CHF) หรือเยนญี่ปุ่น (JPY)ในทางกลับกัน เมื่อเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดีและนักลงทุนมีความเชื่อมั่น สกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงหรือสกุลเงินของตลาดเกิดใหม่มักจะได้รับความสนใจและมีความต้องการเพิ่มขึ้น 

ทำไมการเก็งกำไรจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนความเคลื่อนไหวของตลาดฟอเร็กซ์ 

ตลาดฟอเร็กซ์เป็นหนึ่งในตลาดการเงินที่มีการเก็งกำไรมากที่สุด โดยที่นักเทรดจะซื้อขายสกุลเงินอย่างต่อเนื่องตามการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา ผู้เก็งกำไรซึ่งรวมถึงกองทุนเฮดจ์เทรดเดอร์รายย่อย และนักลงทุนสถาบัน มักตัดสินใจซื้อขายโดยอิงจากการวิเคราะห์ทางเทคนิค แนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค และโอกาสระยะสั้นในตลาด 

เนื่องจากตลาดฟอเร็กซ์เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ และสามารถใช้เลเวอเรจในระดับสูงได้ กิจกรรมการเก็งกำไรจึงสามารถขยายความผันผวนของราคาได้อย่างมาก  ตัวอย่างเช่น หากธนาคารกลางส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นักเทรดอาจเร่งเข้าซื้อสกุลเงินนั้นล่วงหน้า ซึ่งจะทำให้ราคาพุ่งขึ้นก่อนที่การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นจริง การไหลเวียนของเงินจากการเก็งกำไรลักษณะนี้อาจก่อให้เกิดแนวโน้มของราคาแบบ "สมหวังในตนเอง" (Self-fulfilling) ที่ส่งผลต่อทิศทางของตลาดโดยรวม 

สภาพคล่องส่งผลต่อพฤติกรรมของตลาดอย่างไร 

สภาพคล่องหมายถึงความง่ายในการซื้อหรือขายสกุลเงินโดยไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อราคาของมัน ตลาดฟอเร็กซ์ถือเป็นตลาดการเงินที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก โดยคู่สกุลเงินหลักอย่าง EUR/USD และ USD/JPY มีปริมาณการซื้อขายสูงมาก 

อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาวะของตลาด ช่วงเวลาในการซื้อขาย และเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ ในช่วงที่มีการประกาศข่าวสำคัญ เช่น ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ (Non-Farm Payrolls: NFP) หรือการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) สภาพคล่องอาจลดลง ซึ่งอาจนำไปสู่ความเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรง ภาวะสภาพคล่องต่ำยังอาจทำให้เกิดช่องว่างของราคา (Price Gaps) และความผันผวนเพิ่มขึ้น ดังนั้น การบริหารความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักเทรดในสภาวะเช่นนี้ 

สินทรัพย์ประเภทอื่นมีความสัมพันธ์กับตลาดฟอเร็กซ์อย่างไร 

สกุลเงินไม่ได้เคลื่อนไหวโดยลำพัง แต่ มักได้รับอิทธิพลจากตลาดการเงินประเภทอื่น เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และพันธบัตร นักเทรดจึงวิเคราะห์ความสัมพันธ์เหล่านี้เพื่อคาดการณ์แนวโน้มของตลาดฟอเร็กซ์และวางกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ 

  • ความสัมพันธ์กับตลาดหุ้น: ตลาดหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมักสะท้อนถึงความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ซึ่งนำไปสู่ความต้องการในสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงมากขึ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อดัชนีหุ้นทั่วโลกร่วงแรง ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) และดอลลาร์แคนาดา (CAD) อาจแข็งค่าขึ้น เนื่องจากทั้งสองประเทศมีความเชื่อมโยงกับการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์
  • อิทธิพลของราคาสินค้าโภคภัณฑ์: สกุลเงินของประเทศที่พึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ดอลลาร์แคนาดา (CAD) ที่เชื่อมโยงกับราคาน้ำมัน และดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) ที่เชื่อมโยงกับราคารผลิตภัณฑ์นม มักมีความผันผวนตามความต้องการวัตถุดิบและแนวโน้มการค้าทั่วโลก
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรและความแข็งแกร่งของสกุลเงิน: อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่สูงขึ้นมักดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศ ส่งผลให้ค่าเงินของประเทศนั้นแข็งค่าขึ้น ตัวอย่างเช่น เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น มักส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) แข็งค่าตามไปด้วย

วิธีนำความรู้เหล่านี้ไปใช้เพื่อเพิ่มความสำเร็จในการเทรดของคุณ 

ความรู้เหล่านี้สามารถช่วยยกระดับการเทรดของนักเทรดทั่วไปได้อย่างมาก โดยช่วยให้สามารถตัดสินใจในตลาดฟอเร็กซ์ได้อย่างมีข้อมูล ทันเวลา และมีกลยุทธ์มากยิ่งขึ้น ต่อไปนี้คือตัวอย่างจริงของการนำความเข้าใจเกี่ยวกับอารมณ์ของตลาด การเก็งกำไร และสภาพคล่องมาใช้เพื่อพัฒนาการเทรด: 

การตอบสนองต่ออารมณ์ของตลาด

หากนักเทรดทั่วไปสามารถสังเกตได้ว่าอารมณ์ของตลาดเริ่มเปลี่ยนเป็นลบ เนื่องจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์หรือวิกฤตเศรษฐกิจ (เช่น ช่วง Brexit หรือสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน) พวกเขาอาจตัดสินใจซื้อสกุลเงินที่ถือว่าเป็น “ที่หลบภัย” เช่น ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ฟรังก์สวิส (CHF) หรือเยนญี่ปุ่น (JPY) ตัวอย่างเช่น ในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนทางการเงิน ค่าเงิน USD มักจะแข็งค่าขึ้น เนื่องจากนักลงทุนแสวงหาความมั่นคง หากนักเทรดเข้าใจแนวโน้มนี้ ก็สามารถวางตำแหน่งการเทรดล่วงหน้าก่อนที่ตลาดโดยรวมจะตอบสนองอย่างเต็มที่ ด้วยการเข้าซื้อสกุลเงินเหล่านี้ก่อนราคาจะปรับตัวสูงขึ้น

A male trader in a light blue shirt and dark tie, with a serious expression, sits in front of multiple computer monitors displaying financial charts and graphs. He is typing on a keyboard, and in the background, another screen shows a news reporter.

การสร้างโอกาสจากการเก็งกำไร 

ตลาดฟอเร็กซ์ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากการเก็งกำไร นักเทรดที่เข้าใจว่าผู้เก็งกำไรมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อข่าวเศรษฐกิจ สามารถสร้างผลกำไรจากเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดได้ ตัวอย่างเช่น หากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ผู้เก็งกำไรมักจะเริ่มเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐ (USD) ล่วงหน้า นักเทรดทั่วไปที่สามารถอ่านสัญญาณนี้ได้ ก็สามารถใช้โอกาสนี้ในการเปิดคำสั่งซื้อ (Buy) ในคู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับดอลลาร์ เช่น EUR/USD หรือ GBP/USD ก่อนที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นจริง ด้วยวิธีนี้ นักเทรดสามารถเก็บกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดจากการเก็งกำไร เพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการเทรดได้มากขึ้น 

การบริหารความเสี่ยงในช่วงที่สภาพคล่องต่ำ 

สภาพคล่องมีผลต่อความง่ายในการเข้าและออกจากสถานะของนักเทรดโดยไม่ทำให้ราคาผันผวนมากเกินไป ในช่วงที่สภาพคล่องต่ำ เช่น นอกเวลาทำการของตลาดหลัก หรือในช่วงที่มีการประกาศข่าวสำคัญ (เช่น รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ – NFP) ราคามักจะแกว่งตัวอย่างรุนแรง นักเทรดทั่วไปที่เข้าใจเรื่องนี้จะสามารถตัดสินใจได้ว่า ควรสถดความเสี่ยงในช่วงเวลาดังกล่าว หรือใช้คำสั่งหยุดขาดทุน (Stop-Loss) ที่กว้างขึ้นเพื่อป้องกันตนเองจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่คาดคิด ตัวอย่างเช่น หากนักเทรดทราบว่ารายงาน NFP กำลังจะประกาศ พวกเขาอาจลดขนาดสถานะการเทรดลง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการแกว่งตัวของราคาที่รุนแรงซึ่งมักเกิดขึ้นหลังการประกาศข่าว 

การเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ 

นักเทรดสามารถยกระดับการตัดสินใจของตนเองได้ด้วยการเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างตลาดฟอเร็กซ์กับสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น หากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น สกุลเงินอย่างดอลลาร์แคนาดา (CAD) และดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) มักจะแข็งค่าขึ้น เนื่องจากทั้งสองประเทศมีเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ นักเทรดที่เข้าใจความสัมพันธ์นี้จะสามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของ CAD หรือ AUD เมื่อราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น และใช้โอกาสนั้นในการทำกำไร ในทำนองเดียวกัน หากตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้น สกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) หรือดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มักจะแข็งค่าตามความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งนักเทรดสามารถวางแผนเปิดสถานะซื้อ (Long) กับสกุลเงินเหล่านี้ได้อย่างเหมาะสม 

โดยสรุป นักเทรดสามารถนำความรู้เกี่ยวกับอารมณ์ของตลาด การเก็งกำไร สภาพคล่อง และความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์มาใช้เพื่อการตัดสินใจที่มีกลยุทธ์มากขึ้น บริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น และใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การประยุกต์ใช้แนวคิดเหล่านี้ในสถานการณ์จริงจะช่วยให้นักเทรดสามารถพัฒนาผลการเทรดโดยรวม และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาดฟอเร็กซ์ได้อย่างยั่งยืน 

บทสรุป 

แม้ว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจจะเป็นรากฐานสำคัญในการประเมินมูลค่าสกุลเงินในตลาดฟอเร็กซ์ แต่อารมณ์ของตลาดและกิจกรรมการเก็งกำไร ก็มีบทบาทไม่แพ้กันในการขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวของราคาสกุลเงินในระยะสั้น การเข้าใจอิทธิพลของอารมณ์ตลาด การเก็งกำไร และสภาพคล่องต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาในตลาดฟอเร็กซ์ จะช่วยให้นักเทรดสามารถคาดการณ์แนวโน้มของตลาดได้ดีขึ้น และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม ตัวอย่างเช่น การรับรู้ว่าอารมณ์ของนักลงทุนกำลังเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจหรือความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น จะช่วยให้นักเทรดตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลว่าจะซื้อหรือขายสกุลเงินใด นอกจากนี้ การใช้กิจกรรมการเก็งกำไรให้เป็นประโยชน์ จะช่วยให้นักเทรดสามารถหาช่องทางในการทำกำไรระยะสั้นได้จากการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาก่อนที่ข่าวสำคัญหรือการประกาศจากธนาคารกลางจะเกิดขึ้น การเข้าใจพลวัตของสภาพคล่องยังช่วยให้นักเทรดสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหลีกเลี่ยงความผันผวนสูงในช่วงที่สภาพคล่องต่ำหรือระหว่างการประกาศข่าวสำคัญ 

ประเด็นสำคัญโดยสรุป 

  • ความเชื่อของนักลงทุนและความต้องการรับความเสี่ยง เป็นตัวขับเคลื่อนความต้องการในสกุลเงิน โดยสกุลเงินที่ปลอดภัยจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ตลาดไม่แน่นอน ขณะที่สกุลเงินที่มีความเสี่ยงจะได้รับความนิยมมากขึ้นในภาวะเศรษฐกิจเชิงบวก
  • การเก็งกำไร ทำให้ความผันผวนของราคาเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักเทรดตอบสนองต่อข่าวสาร รูปแบบทางเทคนิค และแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งมักส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวของตลาดแบบ “สมหวังในตนเอง” (self-fulfilling)
  • สภาพคล่องที่สูงในคู่สกุลเงินหลัก ช่วยให้การซื้อขายเป็นไปอย่างราบรื่น ขณะที่ในช่วงที่มีข่าวสำคัญ สภาพคล่องต่ำอาจทำให้ราคาผันผวนอย่างรุนแรงและเกิดความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น
  • สกุลเงินได้รับอิทธิพลจากตลาดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และพันธบัตร โดยเมื่อหุ้นปรับตัวสูงขึ้น สกุลเงินที่มีความเสี่ยงมักแข็งค่าตาม ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นมักส่งผลให้สกุลเงินของประเทศนั้นแข็งค่าขึ้นเช่นกัน
ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหาของบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ใช่คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะในการซื้อขายในทุกรูปแบบ