ทองคำเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ และสินค้าโภคภัณฑ์เป็นสินค้าที่มีลักษณะเฉพาะที่ไม่สามารถแยกความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญกับสินค้าที่จัดหาโดยผู้จัดหาต่างๆ ได้ ทองคำเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีลักษณะเฉพาะ เนื่องจากเป็นรากฐานที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจโลกในอดีต โดยถูกใช้เป็นสกุลเงินและใช้รองรับสกุลเงินอื่นๆ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่นักเทรดต้องเข้าใจคุณลักษณะที่สำคัญของทองคำและตลาดทองคำ เพื่อให้ตัดสินใจซื้อขายทองคำได้ดีขึ้นเมื่อทำการเทรดร่วมกัน
ประวัติของทองคำ
ทองคำสามารถพบได้ตามธรรมชาติ และไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการใดๆ เพื่อทำให้บริสุทธิ์ เพราะเหตุนี้ ทองคำจึงเป็นโลหะที่มนุษย์ใช้กันในยุคแรกสุด ย้อนหลังไปถึง 40,000 ปีก่อนคริสตกาล การใช้ทองคำเป็นสกุลเงินในยุคแรกสุดที่บันทึกไว้มีอายุย้อนไปถึงเมื่อ 600 ปีก่อนคริสตกาลในตุรกียุคใหม่ และแนวทางปฏิบัตินี้นำมาใช้ในเศรษฐกิจยุโรปในศตวรรษที่ 13 และ 14 ทองคำยังใช้ในการรองรับสกุลเงินในระบบเศรษฐกิจยุคอุตสาหกรรมและยุคหลังอุตสาหกรรม เมื่อผู้ถือธนบัตรสามารถไปที่ธนาคารกลางของประเทศและแลกเปลี่ยนเป็นทองคำได้ สิ่งนี้เรียกว่ามาตรฐานทองคำ สุดท้ายแล้วระบบนี้ก็ยุติลงตามระบบเบรตตันวูดส์ เพื่อให้ประเทศส่วนใหญ่กำหนดมูลค่าของสกุลเงินเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และรองรับมูลค่าเงินดอลลาร์สหรัฐด้วยทองคำ ถึงแม้ว่ามาตรฐานทองคำจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ประเทศต่างๆ ยังคงถือครองทองคำสำรองเพื่อป้องกันความเสี่ยง ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกับที่นักเทรดที่มีไหวพริบอาจทำการซื้อขายทองคำ
การซื้อขายทองคำ
เนื่องจากทองคำฝังแน่นอยู่ในระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่ การซื้อขายทองคำจึงยังคงเป็นที่นิยม ซึ่งนำไปสู่แนวคิดกันอย่างกว้างขวางว่า ทองคำเป็น “ที่หลบภัย” (ดูด้านล่าง) ดังนั้น เราจึงควรทำความเข้าใจความหมายของการซื้อขายทองคำ มีวิธีหลักๆ ในการซื้อขายทองคำที่เราจะสรุปโดยย่อ ข้อแรกเลย เรามีทองคำแท่ง/เหรียญ ซึ่งเป็นทองคำคุณภาพมาตรฐานและมีหลายขนาดตั้งแต่แท่งขนาดใหญ่ไปจนถึงเหรียญขนาดเล็ก สภาพคล่องของทองคำเกี่ยวข้องโดยตรงกับขนาดของทองคำ ทองคำแท่งขนาดใหญ่จะมีสภาพคล่องต่ำกว่าเหรียญทองขนาดเล็ก ข้อที่สอง เรามีกองทุนรวมอีทีเอฟทองคำและกองทุนรวม ซึ่งไม่จำเป็นต้องให้นักลงทุนถือทองคำจริงๆ และทำการซื้อขายได้เหมือนกับหุ้น ข้อสุดท้าย เรามีสัญญาซื้อขายทองล่วงหน้าและสัญญาสิทธิล่วงหน้า ซึ่งเป็นวิธีทั่วไปในการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ โดยการพยายามทำกำไรจากความผันผวนของราคา
อะไรบ้างที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ
สินทรัพย์ปลอดภัย
ทองคำถือเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” นี่เป็นคำศัพท์สำคัญที่นักเทรดทุกคนควรรู้ หมายความว่า ในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ นักลงทุนส่วนมากจะหันไปหาทองคำ ซึ่งแสดงให้เห็นในช่วงเวลาสำคัญตลอดช่วงประวัติศาสตร์ของเราเมื่อสถานการณ์ผันผวนที่สุด โดยราคาทองคำพุ่งสูงสุดตลอดกาลในปี 1980 เนื่องจากการแทรกแซงของโซเวียตในอัฟกานิสถาน ในปี 2008 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ และในปี 2020 เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทองคำเป็นที่หลบภัย ดังนั้นจึงเป็นสินทรัพย์ใน “สภาวะความเสี่ยงสูง” ความเสี่ยงต่ำ/ความเสี่ยงสูง หมายถึง
พฤติกรรมของนักลงทุนที่แตกต่างกันตามสภาวะของเศรษฐกิจโลก เมื่อความเสี่ยงสูง – ความเสี่ยงในเศรษฐกิจ
สูง – นักลงทุนมักจะลงทุนในการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ (เช่น ทองคำ) และเป็นเช่นเดียวกันในทางกลับกัน เรามี
วิธีการมากมายในการพิจารณาว่าเป็นสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำหรือสูง แต่ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งอัตราส่วนของทองคำต่อแร่เงินสามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้ว่าสภาพแวดล้อมมีความเสี่ยงต่ำหรือความเสี่ยงสูง ดังนั้น ราคาทองคำจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ จากทั่วโลกที่ส่งผลต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ความสัมพันธ์ของดอลลาร์สหรัฐ
ทองคำ (เช่นเดียวกับสินค้าโภคภัณฑ์อื่น) ได้รับผลกระทบจากความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะกำหนดค่าโดยเงินดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น เมื่อเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ทองคำจะมีราคาถูกลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ความต้องการทองคำจึงเพิ่มขึ้น ราคาทองคำก็สูงขึ้นตามไปด้วย เมื่อเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ทองคำจะมีราคาค่อนข้างแพงขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ดังนั้น ความต้องการทองคำจึงลดลง ราคาจึงลดลงตามไปด้วย มีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่ส่งผลต่อราคาทองคำในลักษณะที่คล้ายคลึงกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และเราหวังว่าคำอธิบายของกลไกนี้จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจในลักษณะเดียวกันเกี่ยวกับปัจจัยอื่นๆ เหล่านี้ได้ อย่างที่เห็น ข้อเท็จจริงว่าเงินดอลลาร์สหรัฐส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ หมายความว่าปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ที่หลากหลายสามารถส่งผลกระทบต่อราคาทองคำได้ นี่เป็นเพียงการแสดงให้เห็นว่า ความเข้าใจในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีความสำคัญเพียงใดต่อนักเทรดที่ไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญการเทรดในตลาดเหล่านี้
อุตสาหกรรมโลหะ
ทองคำก็เหมือนกับสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีและอัญมณี
ทองคำกว่า 45% ที่จัดหาได้ทั้งหมดนำไปใช้ในด้านเทคโนโลยีและอัญมณี ในขณะที่ทองคำเพียง 47% นำไปใช้ในการลงทุน ราคาทองคำจึงอาจได้รับผลกระทบในระดับหนึ่งจากเหตุการณ์สำคัญในตลาดเหล่านี้ ดังนั้น แม้อาจดูเหมือนว่านักเทรดไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องการนำทองคำไปใช้เป็นโลหะอุตสาหกรรม แต่ก็คุ้มค่าที่จะรับรู้ถึงการพัฒนาในตลาดเครื่องประดับและทองคำอุตสาหกรรม เช่นเดียวกับการตระหนักถึงพฤติกรรมการลงทุนทั่วโลก
ประเด็นสำคัญในการซื้อขายทองคำ
ตอนนี้ คุณเข้าใจมากขึ้นแล้วว่าทองคำคืออะไร ทำไมการซื้อขายทองคำจึงมีประโยชน์ และปัจจัยสำคัญอะไรบ้างที่ส่งผลต่อวิธีการซื้อขายทองคำของคุณ ประเด็นสำคัญคือ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยขับเคลื่อนหลักของความผันผวนของราคา ตลอดจนความเสี่ยงและประโยชน์ของการซื้อขายทองคำ จะช่วยให้คุณสามารถกระจายพอร์ตโฟลิโอของคุณด้วยสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการให้ผลตอบแทนสูงได้