ในฐานะนักเทรด สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจสินทรัพย์ทางการเงินประเภทต่างๆ ที่สามารถซื้อขายได้ ความเข้าใจที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับสินทรัพย์เหล่านี้จะช่วยให้นักเทรดสามารถสร้างพอร์ตการลงทุนทางการเงินที่หลากหลายมากขึ้น สินค้าโภคภัณฑ์และตราสารอนุพันธ์เป็นสินทรัพย์ที่มีประโยชน์ที่ควรทราบด้วยเหตุผลสำคัญสองประการ ประการแรก สินค้าโภคภัณฑ์มักถูกมองว่าเป็นตัวป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ และประการที่สอง ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มที่จะผันผวนมากขึ้น ดังนั้น (ด้วยความเข้าใจที่ดี) จึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น
ในบทความนี้เราจะกล่าวถึงสิ่งต่อไปนี้:
สินค้าโภคภัณฑ์คืออะไร
สินค้าโภคภัณฑ์คือสินค้าที่จัดกลุ่มลักษณะเฉพาะโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในสินค้า ไม่คำนึงว่าผู้ผลิตรายใดเป็นผู้จัดหาให้ ภายใต้คำจำกัดความนี้ สินค้าโภคภัณฑ์มักจะเป็นวัตถุดิบที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มักใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าหรือบริการอื่นๆ ตัวอย่างที่ดีของสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งเราจะย้อนทวนอีกหลายครั้งในบทความนี้คือน้ำมัน เนื่องจากน้ำมันสองบาร์เรลที่ผลิตจากผู้ผลิตที่แตกต่างกันจะมีความแตกต่างกันน้อยมาก เป็นที่น่าสังเกตว่าเมื่อมีการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ จะต้องปฏิบัติตามคุณภาพและปริมาณที่ได้มาตรฐาน ซึ่งเรียกว่าเกรดพื้นฐาน
สินค้าโภคภัณฑ์มักซื้อขายโดยใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้า คุณควรรู้ว่าสัญญาซื้อขายล่วงหน้าคืออะไร แต่เพื่อเป็นการทบทวน สัญญาซื้อขายล่วงหน้าคือสัญญาที่จะซื้อหรือขายสินค้า ณ จุดหนึ่งในอนาคตในราคาหนึ่ง มีนักเทรดสองประเภทที่ทำการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า ประเภทแรก ผู้มีบทบาทในตลาดจริงที่ไม่ต้องการเปิดเผยตนเองให้เสี่ยง และผลิตและใช้สินค้าโภคภัณฑ์จริงๆ อีกประเภทหนึ่ง นักเก็งกำไรที่ไม่ต้องการใช้สินค้าโภคภัณฑ์ แต่ต้องการทำกำไรจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์แทน หากคุณกำลังอ่านบทความนี้ คุณอาจเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มหลัง คุณสามารถเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมในการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์กับ Hantec Markets ได้ ที่นี่
หมวดหมู่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
สินค้าโภคภัณฑ์มี 2 ประเภทหลัก ได้แก่ สินค้าโภคภัณฑ์จากธรรมชาติและสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตร สินค้าโภคภัณฑ์จากธรรมชาติคือ ทรัพยากรที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติโดยปราศจากการแทรกแซงในการสร้างแต่จำเป็นต้องสกัดออกมา ตัวอย่างของสินค้าโภคภัณฑ์ธรรมชาติ ได้แก่ น้ำมัน โลหะ และก๊าซธรรมชาติ สินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตรคือ สินค้าโภคภัณฑ์ที่ต้องอาศัยการแทรกแซงของมนุษย์ในการผลิต สินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตร ได้แก่ ธัญพืช ไม้แปรรูป และปศุสัตว์ ตารางด้านล่างแสดงรายการสินค้าโภคภัณฑ์ในการซื้อขายที่นิยมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสินค้าจากธรรมชาติหรือทางการเกษตร และหมวดหมู่ของสินค้าโภคภัณฑ์นั้น
สินค้าโภคภัณฑ์ | ธรรมชาติ/การเกษตร | หมวดหมู่ |
---|---|---|
น้ำมันดิบดับบลิวทีไอ | ธรรมชาติ | พลังงาน |
น้ำมันดิบเบรนท์ | ธรรมชาติ | พลังงาน |
ก๊าซธรรมชาติ | ธรรมชาติ | พลังงาน |
ถั่วเหลือง | การเกษตร | เกษตรกรรม |
ข้าวโพด | การเกษตร | เกษตรกรรม |
ทองคำ | ธรรมชาติ | โลหะมีค่า |
ทองแดง | ธรรมชาติ | แร่โลหะ |
เงิน | ธรรมชาติ | โลหะมีค่า |
สินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่สามารถจัดอยู่ในประเภทใดประเภทหนึ่งต่อไปนี้ ได้แก่ พลังงาน แร่โลหะ โลหะมีค่า เกษตรกรรม และปศุสัตว์ พลังงาน แร่โลหะ และโลหะมีค่าล้วนเป็นสินค้าโภคภัณฑ์จากธรรมชาติ ในขณะที่การเกษตรและปศุสัตว์เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตร ด้านล่างนี้เป็นรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแต่ละหมวดหมู่
พลังงาน
สินค้าโภคภัณฑ์พลังงานนั้นสามารถอธิบายได้ตรงตามตัวเพราะสินค้าโภคภัณฑ์พลังงานล้วนเป็นแหล่งพลังงานดั้งเดิม ตัวอย่างสินค้าโภคภัณฑ์พลังงาน ได้แก่ น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันเบนซิน สินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการซื้อขายมากที่สุด 3 อันดับแรกดังที่เห็นข้างต้นคือสินค้าพลังงานทั้งหมด (น้ำมันดิบ ดับบลิวทีไอ และน้ำมันดิบเบรนท์ แค่อิงถึงน้ำมันดิบที่มีเกณฑ์องค์ประกอบต่างกัน)
แร่โลหะ
แร่โลหะคือโลหะทั่วไปที่มักมีราคาไม่แพง และเกิดการเจือปน ออกซิไดซ์ และสึกกร่อนได้ค่อนข้างง่าย ซึ่งทั้งหมดมีแนวโน้มที่จะใช้งานในเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม โดยกำหนดให้เป็นโลหะที่ไม่ใช่เหล็ก และไม่รวมอยู่ในหมวดหมู่โลหะมีค่า ตัวอย่างของแร่โลหะ ได้แก่ ทองแดง ตะกั่ว และนิกเกิล แร่โลหะส่วนใหญ่ซื้อขายใน ตลาดซื้อขายโลหะลอนดอน แต่ก็มีการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ชิคาโกด้วย แร่โลหะชนิดเดียวในบรรดาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการซื้อขายมากที่สุดคือทองแดง
โลหะมีค่า
โลหะมีค่าเป็นโลหะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งหายากกว่า และมีแนวโน้มที่จะมีมูลค่าสูงกว่า มีโลหะมีค่าเพียงแปดชนิดเท่านั้นที่สอดคล้องกับคำนิยามนี้ ได้แก่ ทอง เงิน แพลทินัม แพลเลเดียม โรเดียม รูทีเนียม อิริเดียม และออสเมียม ในอดีต มีการใช้โลหะมีค่าเป็นสกุลเงินที่ผลิตขึ้นเองหรือใช้สำรองสกุลเงิน ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้แสดงไว้ด้านล่างในหัวข้อ “การซื้อขายทองคำ” ทองคำและเงินเป็นโลหะมีค่าสองชนิดที่มีการซื้อขายมากที่สุด และอยู่ในรายการสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการซื้อขายมากที่สุดดังที่แสดงไว้ด้านบน
เกษตรกรรม
สินค้าโภคภัณฑ์เกษตรกรรมค่อนข้างชัดเจนในตัวมันเอง สินค้าโภคภัณฑ์เกษตรเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ต้องเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว รวมถึงถั่วเหลือง ข้าวโพด ข้าวสาลี และข้าว ถั่วเหลืองและข้าวโพดเป็นส่วนหนึ่งของรายการสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการซื้อขายมากที่สุด
ปศุสัตว์
สินค้าโภคภัณฑ์ปศุสัตว์ก็ค่อนข้างชัดเจนเช่นกัน สัตว์เหล่านี้เป็นสัตว์ที่เกษตรกรเลี้ยง และรวมถึงสัตว์และผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์เป็นส่วนใหญ่
สินค้าโภคภัณฑ์ยอดนิยม น้ำมันและทองคำ
สองสินค้าโภคภัณฑ์ยอดนิยมที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ได้แก่ น้ำมันและทองคำ สินค้าโภคภัณฑ์ทั้งสองชนิดนี้เป็นสินค้าโภคภัณฑ์จากธรรมชาติ และการเข้าใจในปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อระดับราคาเป็นสิ่งสำคัญยิ่งเมื่อทำการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้ เพื่อพยายามสร้างผลตอบแทน
การเทรดน้ำมัน
เมื่อพิจารณาว่าน้ำมันเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ปกติเราจะพูดถึงน้ำมันดิบ แต่เราจะย่อให้สั้นลงว่า “น้ำมัน” เพื่อความง่าย น้ำมันดิบเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิล และถือเป็นทรัพยากรที่ไม่หมุนเวียน เนื่องจากต้องใช้เวลาหลายล้านปีในการก่อตัว และตลอดช่วงประวัติศาสตร์ของมนุษย์ เราได้ใช้น้ำมันจนปริมาณแหล่งน้ำมันของโลกลดลงอย่างมาก มีการประมาณการบางรายการระบุว่า เรามีน้ำมันเหลือให้ใช้อีกเพียงแค่ 47 ปีเท่านั้น เราสกัดน้ำมันดิบผ่านการขุดเจาะ และกลั่นเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย รวมทั้งน้ำมันเบนซินที่ใช้ในรถยนต์
เศรษฐกิจโลกล้วนพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาทางการเมืองระหว่างประเทศที่มีน้ำมันและประเทศที่ไม่มีน้ำมันได้ องค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) คือ กลุ่มประเทศที่ควบคุมการผลิตน้ำมันส่วนใหญ่ของโลก องค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันเพิ่มเติม (OPEC+) ประกอบด้วยโอเปก และผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อื่นๆ ทั้งสองกลุ่มนี้มีอิทธิพลอย่างมากต่อราคาน้ำมัน เนื่องจากพวกเขาควบคุมสัดส่วนที่สำคัญของอุปทานการผลิต เนื่องด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีในด้านเทคนิคการกลั่นน้ำมันในศตวรรษที่ 21 ประเทศเหล่านี้จึงมีอำนาจน้อยลงกว่าที่เคยมี แต่ยังคงมีอิทธิพลอย่างมากเช่นเดิม โอเปกประชุมกันปีละ 2 ครั้ง ดังนั้นจึงควรติดตามข้อมูลอยู่เสมอว่าการประชุมเหล่านี้จัดขึ้นเมื่อใด และผลการประชุมเป็นอย่างไร
มีแหล่งข้อมูลหลายแหล่งที่คุณสามารถใช้เพื่อการตัดสินใจซื้อขายที่ดีขึ้น หนึ่งในนั้นคือรายงานประจำสัปดาห์ของ กรมบริหารจัดการข้อมูลด้านพลังงานแห่งสหรัฐอเมริกา ข้อมูลเหล่านี้ให้รายละเอียดข้อเท็จจริงที่สำคัญเกี่ยวกับอุตสาหกรรมน้ำมันในสหรัฐอเมริกา ตัวอย่างเช่น รายงาน EIA เรื่องน้ำมันคงคลัง ซึ่งเป็นน้ำมันที่บริษัทสหรัฐฯ ถือครองอยู่ รายงานนี้บ่งชี้ถึงราคาน้ำมันในอนาคต แหล่งข้อมูลอีกแห่งคือ ฃสถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีแถลงการณ์รายสัปดาห์ถึงข้อเท็จจริงสำคัญเกี่ยวกับน้ำมันในสหรัฐอเมริกา API รายงานเรื่องปริมาณน้ำมันคงคลังด้วยเช่นกัน ในทางทฤษฎี ยิ่งมีน้ำมันคงคลังมาก อุปสงค์ยิ่งลดลง ดังนั้นราคาจึงควรลดลงในอนาคต
นอกจากนี้ยังควรพิจารณาแนวคิดของความเสี่ยงต่ำ/ความเสี่ยงสูง ความเสี่ยงต่ำ/ความเสี่ยงสูง หมายถึง พฤติกรรมของนักลงทุนที่เปลี่ยนไปตามภาวะเศรษฐกิจโลก เมื่อความเสี่ยงสูง นักลงทุนความเสี่ยงสูงมักจะลงทุนในการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และเป็นเช่นเดียวกันในทางกลับกัน การพิจารณาว่าความเสี่ยงต่ำหรือสูงมีหลายวิธี เช่น อัตราส่วนทองคำต่อเงิน ดัชนีสาธารณูปโภคดาวน์โจนส์ หรือดัชนีแนสแด็ก 100 น้ำมันดิบเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ความเสี่ยงสูง และมีแนวโน้มที่จะลงทุนก็ต่อเมื่อมีการมองเศรษฐกิจโลกในแง่ดี ดังนั้น ความเชื่อเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกและต่อประสิทธิภาพของเศรษฐกิจโลกจึงมีผลกระทบต่อราคาน้ำมัน
ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อทำการซื้อขายน้ำมันคือความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์สหรัฐ ราคาน้ำมันดิบทั้งหมดอ้างอิงราคาในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐจะส่งผลต่อราคาน้ำมัน ในอดีต เมื่อเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ราคาน้ำมันก็จะลดลงในหน่วยสกุลเงินดอลลาร์ และเป็นไปในทางกลับกันเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้สหรัฐส่งออกน้ำมันมากขึ้นเนื่องจากเทคโนโลยีการสกัดและการกลั่นน้ำมันที่ดีขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกับราคาน้ำมันจึงเริ่มไม่เสถียรมากขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำเข้าน้ำมันสุทธิ แต่ปัจจุบันกลับเป็นผู้ส่งออกสุทธิ ดังนั้นการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ จึงได้รับผลกระทบเชิงบวกจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลดีต่ออัตราแลกเปลี่ยนของสหรัฐฯ ซึ่งควบคู่กับผลกระทบของต้นทุนน้ำมันต่อบาร์เรลที่ลดลงเมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งขึ้น ด้วยเหตุนี้ความสัมพันธ์ดังกล่าวจึงสั่นคลอนมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ข้อสำคัญในการซื้อขายน้ำมันคือการตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างราคาน้ำมันและอัตราเงินเฟ้อ เมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้น และมีการใช้น้ำมันเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าจำนวนมาก อัตราเงินเฟ้อก็จะสูงขึ้น นี่เป็นประเด็นสำคัญในช่วงปี 1970 และสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากการใช้น้ำมัน (ต่อหน่วยของการผลิต) ในขณะนั้นค่อนข้างน้อยกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน สิ่งนี้ควรค่าแก่การพิจารณาในฐานะนักเทรด/นักลงทุนเมื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของคุณ
ข้อสุดท้าย ราคาน้ำมันอาจได้รับผลกระทบอย่างมากจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ ตัวอย่างเช่น ราคาน้ำมันในสหภาพยุโรปพุ่งสูงขึ้นอย่างมากเมื่อสหภาพยุโรปตัดการนำเข้าน้ำมันดิบของรัสเซียเนื่องจากการรุกรานยูเครน ดังนั้น เช่นเดียวกับการลงทุนรูปแบบต่างๆ เราควรติดตามเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน และพิจารณาผลกระทบต่อราคาน้ำมันเมื่อทำการซื้อขายน้ำมัน
การเทรดทองคำ
ทองคำเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีลักษณะเฉพาะในแง่ที่ว่า ทองคำฝังแน่นอยู่ในระบบเศรษฐกิจโลก ทองถูกใช้เป็นสกุลเงิน และใช้สำรองสกุลเงินจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยเหตุนี้ โลกของการลงทุนจึงถือว่าทองคำเป็น “ที่หลบภัยทางการเงิน” โดยพื้นฐานแล้วหมายความว่า ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน นักลงทุนจำนวนมากหันไปหาซื้อทองคำ สิ่งที่แสดงแทนตัวอย่างนี้อย่างเด่นชัด คือ ราคาทองคำแตะระดับราคา 2,000 ดอลลาร์สหรัฐเนื่องจากโรคระบาด ซึ่งเป็นช่วงที่ความไม่แน่นอนพุ่งขึ้นสูงสุด ตอนนี้คุณน่าจะเข้าใจแล้วว่า เนื่องจากทองคำเป็นที่หลบภัยทางการเงิน จึงถือเป็นสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงที่นักลงทุนจะลงทุนเมื่อพวกเขามองเศรษฐกิจโลกในแง่ร้าย ดังนั้น ราคาทองคำจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ทั่วโลกที่ส่งผลต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าสังเกตว่า ทองคำมีการใช้งานทางอุตสาหกรรม ใช้ในด้านเทคโนโลยีและด้านอัญมณี อุปทานทองคำทั่วโลกกว่า 45% ใช้ไปในอุตสาหกรรมทั้งสองนี้ โดยใช้ในการลงทุนจำนวน 47.2% เท่านั้น ราคาทองคำจึงอาจได้รับผลกระทบในระดับหนึ่งจากเหตุการณ์สำคัญในตลาดเหล่านี้ ดังนั้น เมื่อทำการซื้อขายทองคำ จึงควรทราบอยู่เสมอถึงการเปลี่ยนแปลงในตลาดอัญมณีและตลาดทองคำเชิงอุตสาหกรรมพอๆ กับการรับรู้ถึงพฤติกรรมการลงทุนทั่วโลก
ทองคำมีคุณลักษณะที่เหมือนกับน้ำมัน นั่นคือได้รับผลกระทบจากความแข็งแกร่งของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เหตุที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะทองคำมีแนวโน้มที่จะถูกกำหนดมูลค่าตามสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น ด้วยเหตุผลเดียวกันกับน้ำมัน เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ทองคำจะมีราคาถูกลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น และความต้องการทองคำก็เพิ่มขึ้น ทำให้ราคาทองคำสูงขึ้นตามไปด้วย และเกิดขึ้นเช่นเดียวกันในทางกลับกัน มีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่ส่งผลต่อราคาทองคำในลักษณะที่คล้ายคลึงกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และเราหวังว่าคำอธิบายของกลไกนี้จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจในลักษณะเดียวกันเกี่ยวกับปัจจัยอื่นๆ เหล่านี้ได้
ประเด็นสำคัญในการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์
หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว คุณจะเข้าใจมากขึ้นว่าสินค้าโภคภัณฑ์คืออะไร เหตุใดการซื้อขายสินค้าเหล่านี้จึงมีประโยชน์ และสิ่งที่ควรระวังเมื่อซื้อขายสินค้าเหล่านี้ เราได้ลงลึกในรายละเอียดเรื่องน้ำมันและทองคำเนื่องจากความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และเพื่อแสดงถึงความซับซ้อนของการพยายามทำนายพฤติกรรมของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น มีปัจจัยทั่วโลกจำนวนนับไม่ถ้วนที่ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ แต่การทำความเข้าใจปัจจัยขับเคลื่อนหลักของความผันผวนของราคา ตลอดจนความเสี่ยงและประโยชน์ของการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์จะช่วยให้คุณกระจายพอร์ตโฟลิโอของคุณด้วยสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการให้ผลตอบแทนสูงได้ ดังนั้น เชิญมาซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์กับ Hantec Markets เลย