ข้อมูลชี้วัดก ารว่างงาน
อัตราการว่างงาน
อัตราการว่างงานเป็นข้อมูลชี้วัดที่สำคัญว่าเศรษฐกิจกำลังเป็นอย่างไร ในฐานะเทรดเดอร์ คุณจำเป็นต้องสังเกตการเปลี่ยนแปลงระดับการว่างงาน
ส่วนหนึ่งของหน้าที่สำคัญสองประการของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่นอกจากการควบคุมอัตราเงินเฟ้อก็คือการมีอัตราการจ้างงานสูงสุด ซึ่งจะกำหนดให้เฟดดำเนินการตามนโยบายการเงินที่มุ่งสู่การมีอัตราการจ้างงานอย่างเต็มที่ ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงานสหรัฐฯ จึงมีความสำคัญต่อภาพรวมของนโยบายการเงิน
อัตราการว่างงานมีแนวโน้มที่จะถูกมองว่าเป็นข้อมูลชี้วัดภายหลัง เพราะปกติแล้ว การว่างงานจะเพิ่มขึ้นในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้ว โดยนายจ้างมีแนวโน้มที่จะไม่เลิกจ้างพนักงานจนกว่าธุรกิจของพวกเขาจะย่ำแย่จริงๆ อย่างไรก็ตาม คุณก็ควรสังเกตการเปลี่ยนแปลงข้อมูลการว่างงานเนื่องจากธนาคารกลางมักจะมีปฏิกิริยาและไม่ดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในเชิงรุก
ข้อมูลชี้วัดที่สำคัญ:
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (ข้อมูลการจ้างงานประจำเดือนของสหรัฐฯ ซึ่งจะประกาศในวันศุกร์แรกของเดือน)
ปกติแล้วเทรดเดอร์จะมองว่าข้อมูลตัวนี้มีความสำคัญสูงสุดในบรรดาข้อมูลที่ประกาศประจำเดือน (นอกจากการตัดสินใจเรื่องนโยบายการเงิน)
สิ่งที่ต้องติดตาม:
- อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ยูโรโซน
- การเติบโตของรายได้ในสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร
- เทรดเดอร์จะต้องการทราบว่าอัตราการจ้างงานกำลังเป็นอย่างไรในประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก
- อัตราการจ้างงานถือเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต
- ยิ่งคนมีงานมากเท่าใด อำนาจการใช้จ่ายในเศรษฐกิจที่เป็นการบริโภคซึ่งคิดเป็น 70% ก็จะยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย
ความสำคัญของตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร
รายงานสถานการณ์การจ้างงานเป็นการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจรายเดือนที่สำคัญที่สุด ข้อมูลตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะบอกให้ตลาดรู้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีงานเพิ่มขึ้นหรือลดลงเพียงใดในเดือนที่ผ่านมา สาเหตุที่ตั้งชื่อเช่นนี้ก็เพราะว่าตามจริงนั้น ข้อมูลไม่ได้รวมเอาตัวเลขของอุตสาหกรรมภาคเกษตรที่มีความผันผวนไว้
ส่วนใหญ่แล้ว รายงานจะประกาศในวันศุกร์แรกของทุกเดือนและขึ้นชื่อด้านการสร้างความผันผวนสูงในตลาดเงินต่างๆ
เหตุใดข้อมูลตัวเลขการจ้างงานจึงสำคัญต่อตลาดหลัก นั่นก็เพราะความเชื่อมโยงของตลาดเงินระหว่างประเทศ โดยข้อมูลตัวเลขการจ้างงานจะเป็นเกณฑ์วัดระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และมีผลกระทบต่อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ ประเทศที่สำคัญทั้งหมดล้วนให้ความสนใจกับความแข็งแกร่งของประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกเนื่องจากกระแสการเทรดและการลงทุนทั่วโลก
สิ่งที่ต้องให้ความสนใจในรายงานตัวเลขการจ้างงาน
การดูข้อมูลดิบที่ผ่านมามีความสำคัญเช่นกัน เพราะข้อมูลเกินจริงจำนวนมากได้มาจากตัวเลขงานที่เป็นข้อมูลดิบ อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อมูลสำคัญอื่นๆ ที่อยู่ในรายงานสถานการณ์การจ้างงาน ได้แก่:
- ค่าเฉลี่ยรายได้รายชั่วโมง – การประเมินการเติบโตของค่าจ้างพนักงานที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคและการค้าปลีกในอนาคตซึ่งมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อ
- อัตราการว่างงาน – เปอร์เซ็นต์ของประชากรที่กำลังหางานทำในเชิงรุกแต่ไม่สามารถหาได้ นอกจากนี้ ให้มองหาการประเมินการว่างงานแบบ U6 ซึ่งจะพิจารณาจากผู้ที่ไม่ได้หางานทำในเชิงรุก
- อัตราการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงาน – สัดส่วนของผู้ที่อยู่ในตลาดแรงงานซึ่งกำลังทำงานหรือหางานทำในเชิงรุก สัดส่วนดังกล่าวมีความสำคัญในบริบทของการวิเคราะห์การว่างงานเนื่องจากอัตราการมีส่วนร่วมจะไม่รวมผู้ที่อาจสิ้นหวังซึ่งไม่ได้หางานทำในเชิงรุก
เฟดจะพิจารณาปัจจัยทั้งสามข้อนี้ในรายงานควบคู่กับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเมื่อออกนโยบายการเงิน
เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะพิจารณาข้อมูลแง่ต่างๆ ในรายงานและไม่ดูแค่ข้อมูลตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่เป็นข้อมูลดิบ ดังนั้น ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานที่เป็นข้อมูลดิบในตอนแรกอาจทำให้ตลาดปรับตัวอย่างรวดเร็ว แต่รายงานสถานการณ์การจ้างงานที่สมบูรณ์จะสร้างผลกระทบจากข้อมูลได้ยาวนาน
ผลกระทบที่การเปลี่ยนแปลงอัตราการว่างงานมีต่อตลาดเงิน
ข้อมูลการว่างงานมีผลกระทบทั่วทั้งตลาดเงินต่างๆ ตัวอย่างเช่น หากพิจารณาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ออกมาดีกว่าคาด จะเป็นการบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งขึ้น จึงเพิ่มการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- ตลาดเงินจะผันผวนอย่างมากเมื่อประกาศข้อมูลที่ออกมาดีกว่าคาด ซึ่งส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ ตัวเลขการจ้างงานที่เป็นบวกจะทำให้เกิดการเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (ส่งผลให้ผลตอบแทนตราสารหนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น) ยิ่งไปกว่านั้น สภาวะการจ้างงานที่ดีขึ้นจะบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ดังนั้น ตลาดหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้น (ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นต่างประเทศในภายหลัง)
ข้อมูลชี้วัดอัตราการจ้างงานอื่นๆ ที่สำคัญรองลงมาซึ่งจะต้องพิจารณาเนื่องจากจะส่งผลต่อตลาดสหรัฐฯ
- จำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ – การประกาศจำนวนผู้ยื่นขอรับเงินช่วยเหลือกรณีว่างงานรายสัปดาห์ในสหรัฐฯ ซึ่งตัวเลขยิ่งต่ำก็ยิ่งดี
- รายงานการเปลี่ยนแปลงอัตราการจ้างงานของ ADP – จะมีการประกาศข้อมูลประจำเดือนในวันพุธก่อนตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ซึ่งจะให้มุมมองเกี่ยวกับภาวะของ “การจ้างงานภาคเอกชน” และมักบ่งชี้ถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร
- JOLTS (การสำรวจตำแหน่งงานว่างและอัตราการเข้าออกของพนักงาน) ข้อมูลนี้จะรวมจำนวนตำแหน่งงานว่างในสหรัฐฯ ตามที่ชื่อระบุไว้ นอกจากนี้ ข้อมูลส่วนหนึ่งที่น่าสนใจพิจารณาก็คืออัตราการลาออก ซึ่งสะท้อนถึงระดับความเชื่อมั่นในการหางานใหม่หลังออกจากงานของพนักงาน